เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดตัวยนตรกรรมใหม่ เดอะ นิว เจนเนอเรชั่น Mercedes-Benz CL 500 BlueEFFICIENCY Coupé
รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ CL-Class เวอร์ชั่นใหม่ ยนตรกรรมล่าสุดในกลุ่ม CL-Class บทสรุปแห่งสุดยอดรถยนต์คูเป้ระดับไฮเอ็นด์ด้วยดีไซน์ที่ได้รับการรังสรรค์จากสไตล์อันพิถีพิถัน ผนวกกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมอันก้าวล้ำไปอีกระดับ ด้วยเครื่องยนต์ขุมพลัง V8 ไบเทอร์โบดีไซน์ใหม่ขนาด 320 กิโลวัตต์ 435 แรงม้าในรุ่น CL 500 BlueEFFICIENCY มีอัตราสิ้นเปลืองโดยเฉลี่ยเพียง 9.5 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร และ CL 500 BlueEFFICIENCY ยังโดดเด่นด้วยความเป็นยนตรกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ถูกพัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด BlueEFFICIENCY โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด BlueDIRECT ที่ให้ความประหยัดอย่างเห็นได้ชัด โดยสามารถประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้ได้มากถึง 23 เปอร์เซ็นต์ และยังปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ออกสู่ชั้นบรรยากาศลดลงจาก 288 กรัมเป็น 224 กรัมต่อกิโลเมตร
ดร. อเล็กซานเดอร์ เพาฟ์เลอร์ ประธานบริหาร บริษัทเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “รถยนต์ CL รุ่นนี้ถือเป็นยานยนต์ที่แสดงความเป็นแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ เพราะเป็นยนตรกรรมที่ได้ผสมผสานเอกลักษณ์เฉพาะตัวของความเป็นเมอร์เซเดส-เบนซ์เข้าไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นความงดงามน่าหลงใหล (Fascination) ความสมบูรณ์แบบ (Perfection) และความรับผิดชอบ (Responsibility) และสำหรับเจนเนอเรชั่นใหม่ของรถยนต์รุ่นนี้ เรายังได้มีการพัฒนาให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น ทั้งในด้านสมรรถนะ ความคุ้มค่า และยังโดดเด่นในด้านของการออกแบบรูปลักษณ์ ความปลอดภัย ตลอดจนขับขี่สะดวกสบาย ทำให้ CL-Class เป็นยนตรกรรมคุณภาพระดับแถวหน้าอยู่เสมอ”
ดีไซน์: สุดยอดยนตรกรรมแกร่งในสไตล์ที่โดดเด่นเป็นตัวเอง
CL-Class ใหม่นี้ได้รับการออกแบบให้รูปลักษณ์ภายนอกมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ฝากระโปรงและกระจังหน้าเน้นทรง V-shape มากขึ้นสอดรับกับความโค้งมนของโคมไฟหน้าแบบใหม่ พร้อมเพิ่มลายเส้นด้านข้างและให้ความพิถีพิถันในทุกรายละเอียดทำให้หรูหราสง่างามมากขึ้น
กันชนด้านหน้าใหม่พร้อมแถบโครเมียมด้านล่าง กระจังหน้าสองช่องพร้อมโครเมียมสวยงาม ระบบส่องสว่างอัจฉริยะ (Intelligent Light System) ที่สามารถปรับระดับการส่องสว่างได้ถึง 5 รูปแบบตามสถานการณ์ของสภาพเส้นทาง พรั่งพร้อมด้วยระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist) และไฟ daytime สำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน รวมถึงชุดไฟเบรกและชุดไฟท้ายแบบ LED
เครื่องยนต์ขุมพลัง V8 ไบเทอร์โบใหม่ พ่วงสุดยอดนวัตกรรมเพื่อการประหยัดพลังงาน
เป็นครั้งแรกสำหรับนิวเจเนเรชั่น CL-Class ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีใหม่ด้วยเครื่องยนต์ BlueDIRECT นวัตกรรมใหม่ล่าสุดของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ใช้เครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ รหัส M 278 มีความจุกระบอกสูบ 4,663 ซีซี ขนาด 320 กิโลวัตต์ 435 แรงม้าเพิ่มสมรรถนะความแรงจากโมเดลเดิมกว่า 12% (จากเดิม 285 กิโลวัตต์ 388 แรงม้า) แรงบิดเพิ่มขึ้นถึง 32 % จากเดิม 530 ขึ้นเป็น 700 นิวตันเมตรที่ 1,800-3,500 รอบต่อนาที ด้วยเทคโนโลยีประหยัดพลังงานแบบ BlueDIRECT ที่ช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองโดยเฉลี่ยถึง 23% เพียง 9.5 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร มีอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ช.ม. ด้วยเวลาเพียง 4.9 วินาที (รุ่นเดิม 5.4 วินาที) และความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง
เทคโนโลยี BlueDIRECT ประกอบไปด้วยเครื่องยนต์ V8 โทเบอร์คู่ที่ได้รับการพัฒนาใหม่ล่าสุดโดยเป็นเครื่องยนต์ที่รวมระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิง ไดเรค อินเจ๊คชั่น และระบบอัดอากาศเทอร์โบเข้าด้วยกัน ซึ่งระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิง ไดเรค อินเจ๊คชั่นรุ่นนี้นับเป็นเจเนเรชั่นที่ 3 ด้วยวาล์วหัวฉีดแบบ piezo ที่มีการจุดระเบิดแบบ multi-spark ถึง 4 ครั้งภายในเสี้ยววินาที พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานระหว่างหัวฉีดและการจุดระเบิดให้ทำงานสัมพันธ์กันมากขึ้นกว่าเดิมด้วย ทำให้การเผาไหม้ห้องเครื่องเป็นไปอย่างรวดเร็ว แม่นยำและสมบูรณ์มากขึ้น รวมถึงการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพอย่างเป็นระบบของกระบอกสูบ ลูกสูบ แหวนสูบ พร้อมทั้งระบบการจ่ายน้ำมันและระบบการจัดการระบายความร้อนแบบ 3 ระดับ ทำให้เครื่องยนต์รุ่นนี้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงและลดมลพิษมากขึ้นกว่าเดิม
ผู้ช่วยในการมองเห็นและเพื่อให้ผู้ขับขี่คันอื่นๆ มองเห็นได้ดีขึ้น
ระบบ Adaptive Main Beam Assist คือระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ ช่วยให้ทัศนวิสัยการขับขี่ในยามค่ำคืนเป็นไปอย่างชัดเจนและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยลำแสงที่สาดส่องไปจะปรับระดับลำแสงขึ้นลงเองอัตโนมัติให้เหมาะสมกับสภาพจราจรขณะนั้นและสถานการณ์การขับขี่อยู่ตลอดเวลา ที่สำคัญลำแสงจะไม่รบกวนสายตาของผู้ขับขี่รถคันหน้าหรือรถที่วิ่งอยู่ในเลนตรงข้าม นอกจากนี้ยังมีระบบ Night View Assist PLUS คือ ระบบช่วยการมองเห็นยามค่ำคืน เป็นอุปกรณ์มาตรฐานด้วย ที่เพิ่มขีดความสามารถในการมองเห็นและลดอุปสรรคสำหรับการขับขี่ในเวลากลางคืน หัวใจของระบบฯ อยู่ที่แสงอินฟาเรดซึ่งมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าและกล้องขนาดเล็กที่ติดตั้งอยู่ในโคมไฟหน้าจะถ่ายทอดความเคลื่อนไหวต่างๆ ที่เกิดขึ้นรวมถึงผู้คนที่สัญจรอยู่ริมถนนให้ปรากฎเป็นภาพขาว-ดำบนจอแสดงผลที่แผงหน้าปัด ซึ่งช่วยให้ผู้ขับขี่มีเวลามากขึ้นในการแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าหากเผชิญกับเหตุคับขัน
ระบบเตือนผู้ขับขี่ที่กำลังเหนื่อยล้า: ATTENTION ASSIST
ความเหนื่อยล้าเกินพิกัดเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดอุบัติเหตุ เมอร์เซเดส-เบนซ์จึงพัฒนาระบบ ATTENTION ASSIST คือ ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ เพื่อช่วยเตือนให้ผู้ขับขี่สามารถระมัดระวังการขับขี่มากขึ้นก่อนเริ่มเกิดอาการหลับใน โดยเซ็นเซอร์ภายในรถจะทำหน้าที่ตรวจสอบและวิเคราะห์การขับขี่ต่างๆ ที่บ่งชี้ถึงอาการเหนื่อยล้า รวมถึงส่งสัญญาณเสียงและภาพเตือนทันที โดยมีสัญลักษณ์และข้อความปรากฏที่จอแสดงผลบนแผงหน้าปัด ซึ่งในขณะที่รถวิ่ง ระบบนี้จะประเมินตัวแปรต่างๆถึงกว่า 70 ตัวอย่างต่อเนื่องเพื่อประมวลผลว่าผู้ขับขี่อยู่ในสภาวะง่วงหรือไม่และส่งสัญญาณเตือนก่อนที่ผู้ขับขี่จะเริ่มหลับใน โดยเซ็นเซอร์ความไวสูงพิเศษจะตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่วัดมุมการควบคุมพวงมาลัย (special steering angle sensor)
ระบบรักษาสมดุลตัวถัง (Active Body Control) ช่วยลดผลกระทบจากกระแสลมด้านข้าง
ด้วยมาตรฐานใหม่ในความปลอดภัย CL-Class ใหม่ยังให้การขับขี่เป็นไปแบบเร้าใจสนุกสนาน ด้วยเทคโนโลยี Direct-Steer และระบบรักษาสมดุลตัวถัง (Active Body Control with crosswind stabilization) ที่ได้รับการพัฒนาใหม่ที่จะช่วยเพิ่มให้รถคงความเสถียรภาพความสมดุลแม้จากแรงลมปะทะด้านข้าง โดยระบบรักษาสมดุลตัวถังรุ่นนี้ได้รับการพัฒนาอีกขั้นโดยจะทำการกระจายแรงปะทะผ่าน spring struts ไปที่ล้อทั้งสี่อย่างรวดเร็วในเสี้ยววินาที
นอกจากนี้ CL รุ่นนี้ยังเพิ่มระดับความปลอดภัยขณะขับเข้าโค้งด้วย Torque Vectoring Brake ที่จะทำงานร่วมกันกับโปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติไม่ให้เสียความสมดุลหรือโคลงตัวเมื่อเกิดอาการอันเดอร์สเตียร์ หากแต่จะควบคุมการเข้าโค้งให้มีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากขึ้น ทำให้การขับขี่ช่วงเข้าโค้งเป็นไปด้วยความคล่องตัวปราดเปรียว
ระบบอินโฟเทนเม้นต์ภายในห้องโดยสาร: สุดยอดแห่งระบบมัลติมีเดีย
ด้วยบุคลิกแห่งความหรูหราของ CL-Class รุ่นนี้ถือเป็นรถธง จึงมีการติดตั้งจอแสดงผลแบบ SPLITVIEW ซึ่งเป็นเทคโนโลยีชั้นสูงด้วยคุณสมบัติพิเศษของการฉายภาพ 2 มุมมองภายในจอแสดงผลเดียวกัน ในขณะที่ผู้ขับขี่อ่านแผนที่จากระบบนำทาง ผู้โดยสารด้านหน้าสามารถรับชมภาพยนตร์จากเครื่องเล่นดีวีดีไปพร้อมกัน นอกจากนี้ยังมีระบบควบคุมการทำงาน COMAND APS พร้อม COMAND Controller ที่ใช้งานง่ายและสามารถเข้าถึงฟังก์ชั่นการทำงานอุปกรณ์ต่างๆได้รวดเร็วอาทิ บลูทูธ ยูเอสบีพอร์ต หรือเอสดีการ์ด ที่ช่วยสร้างความเป็นไปได้ให้กับความบันเทิงในทุกรูปแบบ ภายในลิ้นชักเก็บของตรงหน้าผู้โดยสารด้านหน้ายังมีช่องเสียบสำหรับ Media Interface ที่สามารถเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ ไอพ็อด หรือเครื่องมือสื่อสารอิเล็คทรอนิคส์อื่นๆ ได้อีกด้วย
เพื่อความบันเทิงเต็มรูปแบบ ระบบ COMAND APS ที่สามารถฟังวิทยุ เล่นแผ่นซีดี/ดีวีดี/ MP3 รวมถึง Music Register ความจุฮาร์ดดิสก์ขนาด 7.2 กิกะไบต์ที่สามารถบรรจุไฟล์เพลงได้มากถึง 2,500 เพลงทั้งในฟอร์แมท MP3, AAC หรือ WMA ด้วยซอฟแวร์ Gracenote® database ใน MUSIC REGISTER คุณจะสามารถอ่านข้อมูลเพลงทั้งชื่อเพลง อัลบั้มและศิลปินได้อย่างสะดวกง่ายดาย นอกจากนี้ยังสามารถค้นหาเพลงได้จากโปรแกรม Music Search ที่มีอยู่ในระบบอีกด้วย ทั้งหมดนี้สามารถควบคุมผ่านระบบสั่งการด้วยเสียง (LINGUATRONIC) ที่สามารถเชื่อมและเลือกสั่งการทำงานได้ทั้งระบบเนวิกเกชั่น โทรศัพท์หรือสถานีวิทยุได้ด้วย เพียงพูดชื่อสถานีวิทยุหรือชื่อในสมุดโทรศัพท์เท่านั้น
สมบูรณ์แบบด้วยระบบเสียงแบบรอบทิศทาง (surround sound system) จาก Harman Kardon® Logic7® ที่จะช่วยเติมเต็มสุนทรียภาพแห่งการเดินทาง ด้วยคุณภาพเสียงระดับไฮเอนด์ของระบบเสียงในแบบ 3 มิติ และ 360 องศาไม่ว่าจะนั่งอยู่ในตำแหน่งใดภายในห้องโดยสาร
ห้องโดยสารภายใน: ตกแต่งด้วยวัสดุที่เลือกสรรมาอย่างพิถีพิถันและฝีมือการเก็บรายละเอียดอันประณีต
สำหรับห้องโดยสารภายในเมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ให้ความใส่ใจกับรายละเอียดอย่างพิถีพิถันใน CL-Class โดยใช้ไม้เนื้อดีเกรดเยี่ยม 3 ชนิดในการตกแต่ง พร้อมวัสดุคุณภาพสูงและสีตาม คอนเซ็ปต์ที่แสดงถึงรสนิยมส่วนตัวของผู้ขับขี่ ส่วนของการตกแต่งที่ใช้ไม้ส่วนใหญ่เป็นงานทำมือ (Hand-made) จึงให้ความหรูหราและประสบการณ์แบบงานฝีมืออันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
วัสดุที่ใช้หุ้มเบาะรถยนต์เป็นหนังคุณภาพสูงแบบทูโทนที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี ให้ความสบายและอ่อนนุ่มตั้งแต่ได้สัมผัสในครั้งแรก โดยมีการเล่นสีให้ตัดกันอย่างโดดเด่นภายในห้องโดยสารด้วยสีโทน ดำตัดดำ (black/black) , ซาวานน่าห์เบจตัดแคชเมียร์เบจ (savannah beige/cashmere beige), ซาฮาร่าเบจตัดดำ (sahara beige/black), เทาอัลพาค่าตัดเทาแบซอลท์ (alpaca grey/basalt grey) และม่วงโอเบอร์จีนตัดดำ (aubergine/black).
นอกจากนี้ยังมีไฟเรืองแสง Ambient lighting ที่สามารถปรับสีให้อารมณ์ที่แตกต่างใน 3 สไตล์ คือสี Solar (ไฟสีอำพัน), neutral (ไฟสีขาว) และ polar (ไฟสีฟ้าเย็น)
CL 500 BlueEFFICIENCY Coupé กับ 3 เฉดสีใหม่เพิ่มเติมให้เลือกสรร
• Peridot brown
• Magnetite black
• Cornetite blue
เพิ่มความสปอร์ตเร้าใจด้วยชุดแต่ง AMG Sports package
อีกหนึ่งทางเลือกที่เร้าใจมากขึ้นสำหรับท่านลูกค้าที่รักความหรูหรา ในสไตล์สปอร์ตอันโฉบเฉี่ยวหรูหรา โดยเพิ่มความสวยงามด้วยชุดแต่ง AMG Sports package อาทิ
• ชุด AMG bodystyling (กันชนด้านหน้า-หลังและสเกิร์ตด้านข้าง)
• ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG 5 ก้าน 8.5Jx20 หน้า 9.5Jx20 หลัง
• Brake calipers พร้อมสัญลักษณ์ Mercedes-Benz
• พวงมาลัยหุ้มหนังสลับลายไม้
• ลายไม้แบบ black ash
• ชุดคันเร่งและแป้นเบรกแบบสปอร์ต
• พรมรองพื้นพร้อมสัญลักษณ์ AMG เป็นต้น
บริษัทเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ขอนำเสนอพร้อมกำหนดราคาจำหน่าย The New Generation CL-Class ดังนี้
• CL 500 BlueEFFICIENCY Coupé 15,490,000 บาท
• CL 500 BlueEFFICIENCY Coupé Sports AMG 16,290,000 บาท
**************************************************************************
สารฑูล สักการเวช
sarathun@caronline.net
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…