Brand: TOYOTA Model: Corolla
Year: 1996 Miles: 100001 – More
From: Guest

สวัสดีครับ อาหมู
เมื่อเดือนกันยายน ผมเอารถไปตั้งวาด์ว และจูนอัพที่ศูนย์โตโยต้า
สระบุรี กลับออกมามีปัญหารอบเครื่องเดินเบาสูง 1100 รอบ เลยเอาเข้าไปจูนอัพใหม่ ช่วงแรกใช้เวลาจูนอัพประมาณ 3 ชั่วโมง ต่อจากนั้นช่างบอกว่าอุณหภูมิน้ำต่ำ ดูเข็มชี้อยู่ประมาณ 3 ใน 10 ส่วน ต้องเปลี่นน้ำถ้าไม่หายต้องเปลี่ยนกล่อง (จะบ้ารึไง ผมคิดอยู่ในใจ) ผมเลยให้ช่างลองเปลี่นน้ำก่อน(ก่อนหน้านั้นก็อยู่ประมาณนี้ 3 ใน 10 อากาศร้อนจัดๆตอนบายแก่ๆถึงจะขึ้นไปอยู่ 4 ใน 10) ช่างถ่ายน้ำหล่อเย็นของผมออกแล้วใส่น้ำประปาเข้าไปแทน หลังจากนั้นใช้เวลาจูนไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ทำได้ รอบเครื่องเดินเบามาอยู่ที่ 800 รอบ (ใช้เวลาอยู่ในศูนย์ตั้งแต่ 9 โมง จนถึงบ่าย 2) นำรถออกมาขับความร้อนก็ยังขึ้นเหมือนเดิม 3 ใน 10 รอบเดินเบาก็ไม่เห็นเปลี่ยนอยู่ที่ 800 รอบ ผมโดนช่างหล่อกใช่ไม่ครับ (เสียทั้งเวลาเสียทั้งน้ำหล่อเย็นที่มีน้ำยา) ผมขอถามดังนี้ครับ
1 เครื่งเย็นแบบนี้มีผลต่อการกินน้ำมันเพิ่มขึ้นหรือไม่
2 ผมสงสัยว่าตัววัดอุณหภูมมิของผมมันเสียไปแล้ว ค่าความต้านทาน
ยืดถูกต้องไหมครับ (ผมจบช่างอีเล็ก ฯ)
3 หรือว่ารถผมถูกถอดวาด์วน้ำออกไปแล้ว (เป็นรถมือสองครับ)
4 ตัววัดอุณหภูมิของเครื่องหัวฉีดมีสองตัวรึเปล่าครับ ตัวที่มีสายเดี่ยว
ต่อเข้าหน้าปัทม์ ตัวที่มีสองสายต่อเข้ากล่อง (อยู่ข้างวาด์วน้ำ)
5 ผมต้องเปลี่ยนตัวไหนครับ รึว่าทั้งสองตัว ผมคิดว่าจะซื้อมาเปลี่ยนเอง
ขอบคุณครับ

เครื่อง 1.6 auto (4af)
ขับต่างจังหวัดที่ความเร็วประมาณ 100 กินน้ำมัน 11.5 กม.ลิตร
หลังจากจูนอัพมาไม่เคยวัด เจ้าหลานชายตัวน้อยมันกดปุมรีเซ็ท


อ่านแล้วค่อนข้างงงนะครับ จับต้นชนปลายลำบากหน่อย คุณเล่นเล่าแบบละครชีวิตเลยเชียวนะ ฮ่า ฮ่า

แต่ไม่เป็นไร เอาเท่าที่ผมเข้าใจดีกว่า อย่าเพิ่งไปนึกไกลว่า คุณโดนช่างหลอกหรือเปล่าเลย เพราะตรงนี้ ผมให้ความเห็นไม่ได้หรอก ช่างนี่ ปกติแล้ว ไม่หลอกใคร แต่หากใครถูกช่างฟันเอา ก็มักจะเป็นเพราะความรู้มากของคนถูกฟันด้วยเป็นหลักค่อนข้างใหญ่
แล้วอีกอย่างหนึ่ง แค่เสียเวลา เสียน้ำยาหล่อเย็น ผมไม่ถือว่าถูกใครที่ไหนหลอกให้ช้ำใจหนักขึ้นไปอีกหรอกครับ ผมว่า เป็นเพราะความไม่มีของของช่าง ก็บอกคุณให้พ้นพ้นไป แบบปัดสวะน่ะครับ ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร
1-คุณควรตรวจสอบดูว่า วาล์วน้ำมีหรือไม่มีด้วยตัวคุณเอง ไม่ใช่เที่ยวได้ถามใครต่อใครให้ลำบากใจคุณเองด้วยการเล่าอะไรต่ออะไรมากมาย ฟังแล้วยิ่งสับสน
เอาเป็นว่า หากคุณคิดจะเปลี่ยนเซนเซอร์เองได้ คุณก็ต้องสามารถพอที่จะเปิดหัววาล์วน้ำมาดูว่ามีวาล์วน้ำอยู่หรือไม่แล้ว แต่หากไม่อยากเปิด เพราะอาจจะต้องตัดปะเก็นใหม่ ก็ลองติดเครื่องตอนเช้าเครื่องเย็นดูสักสองสามนาที เอามือแตะตรงท่อน้ำตัวบน และบนตัวเครื่อง ว่าความร้อนเท่ากันไหม ถ้าเท่ากัน ก็แสดงว่า วาล์วน้ำไม่มีหรือมีก็เปิดค้าง เปลี่ยนได้แล้ว หากพบว่า ท่อเย็นกว่า ก็แสดงว่าวาล์วน้ำมีและยังใช้ได้ แต่ควรรอจนเข็มความร้อนขึ้นแล้วแตะดูอีกที ความร้อนต้องพอพอกัน แค่นั้นเอง
ไม่มีวาล์วน้ำก็หาใส่เสีย เพราะไม่มีวาล์วน้ำ เวลาวิ่งทางไกล เครื่องยนต์เย็นเกินไป จะเป็นผลให้คอมพิวเตอร์ไม่รู้ว่าขณะนั้นเครื่องยนต์ต้องการเชื้อเพลิงน้อย และจ่ายเชื้อเพลิงให้มาก ในที่สุด ตัวออกซิเจนเซนเซอร์ก็จะเสียตามไปเพราะเขม่าเชื้อเพลิงไปเกาะ ทำให้วัดค่าออกซิเจนไม่ได้ เสียเชื้อเพลิงมากขึ้นซ้ำสองไปเลย
2-ตรวจดูอย่างที่ผมบอกก่อนเถิดครับ ง่ายที่สุด
3-ผมจะไปทราบได้อย่างไร หากคุณไม่ได้ตรวจสอบ
4-มีสองตัวก็ได้ ตัวเดียวก็ได้ ของคุณคงจะสองตัว
5-จะเปลี่ยนตัวไหนทำไมเล่า เมื่อยังไม่รู้เลยว่า แม้กระทั่งวาล์วน้ำนี่ คุณมีหรือเปล่า แล้วกัน ตรวจดูอะไรต่ออะไรให้แน่เสียก่อนดีกว่ากระมังครับ

อ้อ น้ำยาหม้อน้ำ ต้องใส่ หาไม่ ฝาสูบทะลุในตอนหลัง ผมไม่รู้ด้วยนา-ธเนศร์

Facebook Comments
CarOnline Team

Recent Posts