เครื่องยนต์กระตุกดับ

Brand: BMW Model: 5-Series
Year: 1994 Miles: 100001 – More
From: นิเวศน์ คเชนชาติ

ขอรบกวนสอบถามคุณอาธเนศร์รถผมมีปัญหา เวลาสตาร์ทเครื่องตอนเช้าหรือเวลาเครื่องเย็น เครื่องยนต์จะกระตุกดับ บางวันก็เป็นบางวันก็ไม่เป็น ( พึ่งล้างรอบเดินเบา และเปลี่ยนวาล์วไฟฟ้าควบคุมไอน้ำมันมา) ผมต้องดูอะไรอีกบ้างครับ


“บางวันเป็น บางวันก็ไม่เป็น” อันนี้ คงยากหน่อยครับ ที่จะระบุลงไปตรงตรงว่า น่าจะเป็นจากเหตุผลใด
ก็ต้องว่ากันรวมรวมไปหลายหลายอย่าง แต่ก่อนอื่น คุณน่าจะเอารถไปรับการอ่านระหัส โดยช่างที่อ่านด้วยการกระตุ้นให้แสดงระหัส หรืออู่ที่มีเครื่องอ่านระหัสความบกพร่อง ที่บันทึกไว้ในคอมพิวเตอร์ เพื่อหาที่มาของปัญหา น่าจะง่ายที่สุด
แต่ก็อาจจะไม่มีระหัสปรากฏ หากเป็นที่ส่วนของกลไก ไม่ได้เกี่ยวกับระบบอีเล็กทรอนิกได้เหมือนกันครับ
ถ้าเป็นด้านกลไก ผมคิดว่า คุณคงต้องตรวจสอบการทำงานของปั๊มเชื้อเพลิง ตะแกรงกรองเชื้อเพลิงในถังน้ำมันเชื้อเพลิง กรองน้ำมันเชื้อเพลิงหลังปั๊ม และตัวควบคุมแรงดันน้ำมันเชื้อเพลิง ที่อาจจะมีอะไรติดขัดได้ทุกส่วน ทำให้น้ำมันเชื้อเพลิงขึ้นมาแล้วติดขัดเล็กน้อย เครื่องจึงสะดุดดับลงไป ซึ่ง จะไม่ปรากฏเป็นระหัสให้คุณได้ทราบเมื่อตรวจเช็กระหัสครับ
ทีนี้ หากเป็นจากอุปกรณ์อีเล็กทรอนิก ช่างก็จะต้องตรวจเช็กระหัสพบ หากไม่พบ แต่สงสัยว่า เป็นจากอุปกรณ์อีเล็กทรอนิก ก็จะต้องใช้มัลติมิเตอร์ตรวจสอบอุปกรณ์ หาค่าที่ถูกต้องหรือผิดพลาด ตอนเครื่องยนต์เย็นเท่านั้น
กับการตรวจเช็กขั้วต่อต่างต่างของสายไฟฟ้าของระบบอีเล็กทรอนิก ซึ่ง ผมว่า คงวุ่นวายมากจนช่างไม่อยากหาสาเหตุให้คุณกันทุกคนหรอกครับ
คงจะมีข้อเสนอให้รอให้เกิดขึ้นทุกครั้งก่อน จึงจะพอบอกได้ว่า อะไรเป็นอะไร
อาการสะดุดดับของรถที่คุณบอก หากว่ามีปัญหาทางอีเล็กทรอนิก ผมว่าน่าจะเป็นที่การจ่ายพลังไฟฟ้าไปยังหัวฉีด เพื่อปล่อยน้ำมันออกมาให้กับเครื่องยนต์ ที่คอมพิวเตอร์จะจ่ายไฟไปให้หัวฉีด อาจจะมีการติดขัดในระยะแรกของการจ่ายไฟ อันอาจจะมาจากกระแสไฟฟ้าของระบบเครื่องยนต์มีต่ำเกินไป เข้าคอมพิวเตอร์ไม่พอ เป็นผม ก็จะตรวจสอบคอมพิวเตอร์ ว่าสายดินแน่นดีหรือไม่ กระแสไฟฟ้าที่ออกจากคอมพิวเตอร์นี่ คงไม่ต้องตรวจ เพราะเมื่อร้อนหรือเครื่องพ้นการสะดุดดับแล้ว ก็น่าจะคงที่ ใช้ได้ จึงจะต้องอาศัยการตรวจสอบขณะเครื่องยนต์เย็น และเพียงเปิดสวิทช์กุญแจ ซึ่ง ทำอย่างไร ก็คงหาที่มายากมาก เนื่องจากไม่ได้เป็นทุกวัน และทุกครั้ง
คุณจะเห็นว่า อาการนี้ ตรวจสอบหาที่มายาก จะได้เรื่อง ก็คงต้องอาศัยช่างที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย เปลี่ยนกันทีละอย่าง ทีละตัว จนกว่าจะฟลุ๊ก เจอเอาตัวที่เสียเข้า ส่วนค่าเปลี่ยนกับค่าอะไหล่ คุณคงควักกันเพลินไป
ดังนั้น ผมจึงอยากจะรอครับ รอให้อาการมากขึ้นกว่านี้ หรือมีข้อมูลมากกว่านี้ เช่นขณะที่ใช้รถนั้น มีอาการอย่างไรบ้าง กินน้ำมันขึ้นมากกว่าเดิมหรือไม่ เสียก่อน จึงจะเดาออกไปได้ โดยไม่ได้ตรวจรถของคุณนะครับ ซึ่งถ้าเดา ก็หมายความว่า มีการเดาผิดได้แบบ 50:50 ละครับ-ธเนศร์

Facebook Comments