Categories: ข่าว

ฮอนด้ายกระดับศักยภาพเพื่อส่งเสริมความปลอดภัยทางถนน ทุ่มงบกว่า 900 ล้านบาท สร้างศูนย์ฝึกฯ แห่งใหม่ในกรุงเทพฯ เพียบพร้อมด้วยมาตรฐาน และใหญ่ที่สุดในอาเซี่ยน


ฮอนด้ายกระดับศักยภาพเพื่อส่งเสริมความปลอดภัยทางถนน
ทุ่มงบกว่า 900 ล้านบาท สร้างศูนย์ฝึกฯ แห่งใหม่ในกรุงเทพฯ
เพียบพร้อมด้วยมาตรฐาน และใหญ่ที่สุดในอาเซี่ยน

ฮอนด้าต่อยอดกิจกรรมด้านสังคมในส่วนที่เชื่อมโยงสู่การส่งเสริมความปลอดภัยทางถนน หลังจากเป็นผู้บุกเบิกและดำเนินการในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่องตลอด 20 ปี ภายใต้โครงการเมืองไทยปลอดภัย โดยล่าสุดได้จัดสรรงบประมาณถึง 900 ล้านบาท เพื่อยกระดับศักยภาพการส่งเสริมความปลอดภัยทางถนนให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น ด้วยการสร้างศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยอย่างครบวงจรแห่งใหม่ในกรุงเทพฯ ซึ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซี่ยน และเพียบพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกในด้านการฝึกอบรมที่มีมาตรฐาน อันเป็นผลให้การฝึกมีคุณภาพและประสิทธิภาพสูงสุด รวมทั้งสามารถรองรับการฝึกขับขี่ได้ทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ตั้งแต่หลักสูตรระดับพื้นฐานจนกระทั่งถึงระดับฝึกทักษะขั้นสูง และที่สำคัญได้รับการรับรองจากกระทรวงคมนาคม พร้อมกันนั้นทางฮอนด้ายังได้มอบรถยนต์ฮอนด้า ซีวิค 2 คัน และรถจักรยานยนต์ฮอนด้า คลิก-ไอ 30 คัน ให้กับส่วนงานราชการ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในด้านการส่งเสริมความปลอดภัยทางถนน

มร.ฟุมิฮิโกะ อิเคะ ประธานกรรมการบริหาร และซีอีโอ บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า จากการที่วงการยานยนต์ไทยมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้ก่อให้เกิดความท้าทายในการขับขี่ของผู้ใช้รถจักรยานยนต์และรถยนต์ รวมถึงจำนวนของผู้ขับขี่มือใหม่ที่มีเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ความปลอดภัยในการขับขี่ ตลอดจนการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย นับเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมาก และทางฮอนด้าเองถือว่าการส่งเสริมการขับขี่อย่างปลอดภัย คือพันธกิจต่อสังคมในฐานะของผู้ผลิตรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ต้องให้การสนับสนุนและส่งเสริมอย่างจริงจัง

โดยทั้งนี้ ฮอนด้าได้ดำเนินการส่งเสริมด้วยการจัดให้มีการฝึกอบรมขับขี่ปลอดภัยให้แก่กลุ่มผู้ใช้รถใช้ถนนโดยทั่วไปอย่างต่อเนื่อง อันนับเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงถึงความรับผิดชอบต่อสังคม และจนถึงปัจจุบันนี้มีการจัดฝึกอบรมให้กับผู้ใช้รถชาวไทยมาแล้ว 20 ปี ซึ่งมีจำนวนผู้ผ่านการอบรมทั้งสิ้นถึงกว่า 12 ล้านคน


ล่าสุดนี้ฮอนด้าได้จัดสรรงบประมาณถึงกว่า 900 ล้านบาท เพื่อสร้างศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยอย่างครบวงจรแห่งใหม่ในกรุงเทพฯ รวมทั้งยังเป็นศูนย์ฝึกฯ ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซี่ยน และเพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์สิ่งอำนวยความสะดวกอย่างหลากหลาย ที่ล้วนแล้วแต่มีมาตรฐานสูง ซึ่งสามารถช่วยจำลองสถานการณ์การขับขี่ที่เหมือนจริงมากที่สุด อันเป็นผลให้การจัดฝึกอบรมมีคุณภาพและประสิทธิภาพสูงมากยิ่งขึ้น และโดยเฉพาะอย่างยิ่งศูนย์ฝึกฯ แห่งใหม่นี้ ยังได้ผนวกรวมสนามฝึกสำหรับฝึกขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์เข้าไว้ด้วยกัน จึงทำให้รองรับการฝึกอบรมขับขี่รถทั้งสองประเภทนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ตลอดจนสามารถจัดการฝึกอบรมได้ตั้งแต่หลักสูตรในระดับพื้นฐาน จนกระทั่งถึงหลักสูตรระดับการฝึกทักษะขั้นสูง ภายใต้สภาพพื้นผิวถนนทุกรูปแบบ และสถานการณ์การขับขี่ที่แตกต่างกัน

สำหรับศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้าแห่งใหม่ หรือ Honda Safety Driving Center ตั้งอยู่ ณ ถ.รามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ โดยมีเนื้อที่กว้างขวางรวมทั้งสิ้นถึง 20.5 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่สำหรับใช้ในการจัดฝึกอบรมกว่า 20,000 ตารางเมตร ประกอบด้วย อาคารสำนักงานที่มีห้องฝึกอบรมภาคทฤษฎีรวมทั้งหมด 4 ห้อง ซึ่งสามารถขยายรวมกันเป็นห้องใหญ่ที่รองรับผู้เข้าร่วมอบรมได้มากถึง 300 คน และพื้นที่ฝึกอบรมภาคปฏิบัติในรูปแบบของสนามฝึกอบรมการขับขี่ แยกเป็นสนามฝึกสำหรับรถจักรยานยนต์ , รถยนต์ และสนามฝึกที่ผนวกเพื่อใช้สำหรับการฝึกขับขี่รถทั้งสองประเภท


โดยในส่วนของสนามฝึกสำหรับรถจักรยานยนต์ มีพื้นที่การฝึก 4,506 ตารางเมตร แยกเป็น ทางราบ , ทางแคบ , ทางขรุขระ , ทางโค้งในลักษณะมุมฉาก , ทางโค้งในลักษณะรูปเลข 8 , ทางโค้งในลักษณะรูปตัวเอส (S) , พื้นผิวถนนเปียกลื่น และพื้นที่ฝึกทักษะขั้นสูง ในขณะที่สนามฝึกสำหรับรถยนต์ มีพื้นที่ 4,109 ตารางเมตร แยกเป็น ทางราบ , ช่องทางฝึกการเดินหน้า-ถอยหลัง-การจอดรถขนานขอบทาง , ทางโค้งในลักษณะมุมฉาก , ทางโค้งในลักษณะรูปตัวเอส (S) และพื้นผิวถนนเปียกลื่น ส่วนสนามที่ผนวกเพื่อใช้ในการฝึกของรถทั้งสองประเภท มีพื้นที่ 11,622.5 ตารางเมตร แบ่งแยกเป็น พื้นที่ขับขี่ด้วยความเร็ว , พื้นที่หยุดรถและออกรถบนทางลาดชัน , สะพาน , พื้นที่เตรียมความพร้อม , พื้นที่รอบนอกเพื่อใช้เป็นพื้นที่สำรองในการขับขี่ และอาคารสำนักงาน 2 ชั้น

ในด้านหลักสูตรต่างๆ ที่จัดให้มีการฝึกอบรมนั้น เป็นหลักสูตรที่มีมาตรฐานเดียวกับในประเทศญี่ปุ่น มีเนื้อหาความรู้ครอบคลุมทั้งในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ซึ่งในส่วนของรถจักรยานยนต์จะครอบคลุมตั้งแต่ การตรวจเช็คสภาพรถ , การหยุดรถบนทางเรียบ , การทรงตัวในพื้นที่แคบ , การทรงตัวบนพื้นผิวถนนขรุขระ และการขับขี่เข้าโค้งในลักษณะต่างๆ รวมทั้งยังมีการฝึกอบรมเพื่อเรียนรู้และคาดการณ์การเกิดอุบัติเหตุ โดยใช้เครื่องฝึกขับขี่รถจักรยานยนต์จำลอง หรือ Riding Trainer ซึ่งจะเพิ่มทักษะให้กับผู้ฝึกใน

ด้านการหลีกเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ สำหรับหลักสูตรที่จัดให้มีการฝึกอบรม ได้แก่ หลักสูตรเบื้องต้น , หลักสูตรสำหรับรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ (Big Bike) , หลักสูตรเพื่อการเป็นผู้ช่วยครูฝึกขับขี่ปลอดภัย และหลักสูตรเพื่อการเป็นครูฝึกฯ เป็นต้น

ในขณะที่หลักสูตรการฝึกสำหรับรถยนต์ เป็นหลักสูตรที่ได้มาตรฐานตามที่กำหนดไว้ในประกาศของกรมการขนส่งทางบก โดยให้ความรู้เกี่ยวกับการบำรุงรักษาเครื่องยนต์เบื้องต้น , หลักเกณฑ์การขับรถที่ถูกวิธี , กฎหมายจราจรและกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

จากการที่ศูนย์ฝึกฯ แห่งใหม่นี้ เป็นศูนย์ฝึกฯ ที่มีมาตรฐานและศักยภาพสูง และที่สำคัญยังได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม จึงได้จัดให้มีการฝึกอบรมในหลักสูตรพิเศษสำหรับผู้ที่ต้องการสอบทำใบอนุญาตขับขี่ทั้งรถจักรยานยนต์ และรถยนต์ โดยผู้ที่เข้ารับการฝึกอบรมและสอบผ่านการทดสอบ จะได้รับหนังสือรับรองจากศูนย์ฝึกฯ เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการขอรับใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์ หรือรถยนต์ ได้ที่สำนักงานขนส่งจังหวัดทั่วประเทศ


นอกเหนือจากนั้นแล้ว ศูนย์ฝึกฯ แห่งใหม่นี้ยังจัดฝึกอบรมในโครงการพิเศษสำหรับเยาวชน คือ “โครงการหนูน้อยปลอดภัยทางถนน” หรือ Road Safety for Kids ซึ่งเป็นการฝึกอบรมการขับขี่ให้กับเยาวชนที่มีอายุตั้งแต่ 6 – 11 ปี ทั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อปลูกฝังจิตสำนึกในด้านความปลอดภัย และความสำคัญของการรักษาวินัยจราจรให้กับเด็กและเยาวชน อันจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดปัญหาอุบัติเหตุทางถนนในอนาคต โดยเนื้อหาการฝึกอบรมครอบคลุมทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ ซึ่งในการฝึกภาคปฏิบัตินั้นจะฝึกขับขี่โดยใช้รถจักรยาน รวมทั้งทางศูนย์ฝึกฯ ยังดำเนินการจัดกิจกรรมภายนอกในรูปแบบ Mobile Safety for Kids ด้วยการฝึกอบรมหลักสูตรนี้ตามบริเวณสวนสาธารณะ และโรงเรียนระดับชั้นประถมศึกษา เป็นต้น


ทั้งนี้ ศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้าแห่งใหม่นี้ ได้จัดให้มีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ โดยมีรองนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิด ในวันที่ 2 เมษายน 2552 พร้อมกันนั้นทางกลุ่มบริษัทในเครือฮอนด้าแห่งประเทศไทย ได้แก่ บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด , บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด ได้มอบรถยนต์ฮอนด้า รุ่น ซีวิค (Civic) จำนวน 2 คัน และรถจักรยานยนต์ฮอนด้า รุ่น คลิก-ไอ (Click-i) จำนวน 30 คัน ให้กับหน่วยงานทางราชการ เพื่อเป็นการสนับสนุนการปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่ในด้านการส่งเสริมความปลอดภัยทางถนน


ก่อนหน้านี้ฮอนด้าได้ริเริ่มดำเนินการรณรงค์ และส่งเสริมความปลอดภัยทางถนน จากกิจกรรมขับขี่ปลอดภัย ภายใต้โครงการ “เมืองไทยปลอดภัย” หรือ Safety Thailand มาตั้งแต่ปี 2532 พร้อมจัดตั้งศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้าเป็นแห่งแรกในประเทศไทย เมื่อปี 2537 ณ ตำบลสำโรงใต้ จังหวัดสมุทรปราการ หลังจากนั้นในปี 2544 มีการพัฒนาศูนย์ฝึกฯ ให้มีมาตรฐานและศักยภาพเพิ่มขึ้น ตลอดจนขยายพื้นที่เป็น 15,000 ตารางเมตร ส่งผลให้ในเวลานั้นเป็นศูนย์ฝึกฯ แห่งแรกที่ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม รวมทั้งจัดให้มีการฝึกอบรมในหลักสูตรการสอบทำใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์

สำหรับศูนย์ฝึกฯ แห่งใหม่ในกรุงเทพฯ นี้ นับเป็นศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยแห่งที่สองที่ฮอนด้าเป็นผู้ดำเนินการ รวมทั้งทางฮอนด้ายังร่วมกับผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในการจัดตั้งศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยในเขตภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งในขณะนี้มีทั้งสิ้น 8 แห่ง คือ ในเขตจังหวัดเชียงราย , ราชบุรี , กำแพงเพชร , อุบลราชธานี , บุรีรัมย์ , สุราษฎร์ธานี , พิษณุโลก และระยอง และมีแผนจะเปิดศูนย์ฝึกฯ ในเขตภูมิภาคอีก 1 แห่ง ภายในปีนี้

นอกจากนั้น ฮอนด้ายังร่วมกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ในการเผยแพร่ความรู้ขับขี่ปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งสนับสนุนงบประมาณ รถจักรยานยนต์ และอุปกรณ์จัดฝึกอบรม สำหรับการสร้างศูนย์เรียนรู้ขับขี่ปลอดภัยเฉลิมเกียรติ 80 พรรษา จำนวน 12 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งดำเนินการโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

จากการดำเนินการในด้านส่งเสริมความปลอดภัยทางถนน ตลอดจนการจัดให้มีการฝึกอบรมขับขี่ปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้รถอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2532 เป็นต้นมา ซึ่งในขณะนี้นับเป็นเวลาถึง 20 ปีแล้ว โดยทางฮอนด้าได้ผลิตวิทยากรครูฝึกขับขี่ปลอดภัยให้แก่หน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชน รวมเป็นจำนวนกว่า 23,000 คน พร้อมทั้งมีผู้ผ่านการฝึกอบรมไปแล้วทั้งสิ้นกว่า 12 ล้านคน

**************************************************************************

สารฑูล สักการเวช
sarathun@caronline.net

Facebook Comments
CarOnline Team

Recent Posts