สัมผัสวิถีชีวิตพอเพียงกับ “อีซูซุ วี-ครอส 4×4: ความสุขออกแบบได้”

อีซูซุเดินหน้าสานต่อแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงกับทริปพิเศษ “อีซูซุ วี-ครอส 4×4” ในทริปพิเศษ “ความสุขออกแบบได้” นำขบวนสื่อมวลชน 2 กลุ่ม ท่องเที่ยวชมของดีจังหวัดระนอง “ก้อง วัลเลย์” วิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลิตภัณฑ์กาแฟคั่วมือและท่องเที่ยวเชิงเกษตร เรียนรู้ขั้นตอนการทำกาแฟคุณภาพจากผู้ผลิตสู่ถ้วยกาแฟ และยังได้สัมผัสวิถีชีวิตพอเพียง ฟาร์มสเตย์สุดน่ารัก “บ้านไร่ ไออรุณ” ที่ได้น้อมนำศาสตร์พระราชา หลักปรัชญาแห่งความพอเพียงของรัชกาลที่ 9 มาใช้ในการออกแบบความสุขของการดำเนินชีวิต และพัฒนาบ้านเกิด จนมีชื่อเสียงโด่งดัง


เริ่มต้นแต่เช้าตรู่ด้วยอาหารเช้าแบบคนพื้นเมืองกับ 2 ร้านโรตีชื่อดังที่ถ้าไม่ได้ชิมคงเหมือนมาไม่ถึงเมืองระนอง นั่นคือ “โรตีนิสรา” (โรตีหงาว) และ “บังกีโรตีอาหรับ” ที่มีเมนูเด็ด คือ โรตีทอดหอมกลิ่นนมเนยและหนานุ่มกำลังดีทานคู่กับแกงกะหรี่รสชาติเข้มข้น หรือจะราดนมโรยน้ำตาลแบบที่คุ้นเคยก็อร่อยถูกปาก แถมด้วยไก่ทอดกรอบรสชาติดี เสิร์ฟพร้อมกาแฟ หรือชานมรสกลม กล่อม

จากนั้นจึงขับรถปิกอัพคู่ใจ “อีซูซุ วี-ครอส 4×4” สู่อำเภอกระบุรีที่เต็มไปด้วยเส้นทางโค้งลัดเลาะขึ้นเขาท่ามกลางสายฝนที่ตกกระหน่ำ สลับกับช่วงโปรยปรายเบาๆ พร้อมแดดบาง ๆ สมกับฉายาเมืองฝนแปด แดดสี่ ซึ่งด้วยสมรรถนะการเกาะถนนที่เป็นเยี่ยมและเครื่องยนต์ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ ทำให้ไปถึง “ก้อง วัลเลย์”ได้อย่างสบายๆ 

ทริปที่ดิฉันไปในครั้งนี้ผู้หญิงจะเยอะกว่าผู้ชาย คันที่ดิฉันขับก็เป็นผู้หญิงล้วนสามคน ซึ่งเราสามารถขับและควบคุมรถได้สบายๆ  เกียร์แบบอัตโนมัติ ที่นั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้าสูงต่ำได้ ทัศนวิสัยชัดเจน

เป็นรถแบบ 4 ประตู Double Cab มีที่นั่งแถวที่สอง  ด้านหลังมีCAB สามารถที่จะบรรทุกของได้ด้วย

ก้องวัลเลย์ เป็นไร่กาแฟเกษตรอินดี้ วิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลิตภัณฑ์กาแฟคั่วมือและท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่ให้ความรู้และแนวคิดในการทำกาแฟคุณภาพของคนไทย “GONG COFFEE” ให้ดังไกลและส่งขายทั่วโลก ช่วยเหลือเกษตรกรไทยหลายหมื่นครอบครัว ผ่านการรับซื้อเมล็ดกาแฟคุณภาพสูงและให้เกษตรกรเป็นผู้กำหนดราคาขายเอง นำมาคัดเมล็ด คั่ว บด และบรรจุลงถุงที่มีมาตรฐาน

ความโดดเด่นของกาแฟที่นี่ คือการคั่วด้วยมือทุกเมล็ด นอกจากนี้คุณก้องยังเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ต่างๆ ให้กับผู้มาเยือนซึ่งมีความสนใจในเรื่องกาแฟจากทั่วโลกอีกด้วย

หลังจากสื่อมวลชนได้ลองคั่วกาแฟด้วยตัวเองในกระทะทองเหลืองขนาดเล็ก ด้วยไม้พายที่ทำจากต้นอบเชยจนได้ที่แล้ว ก็ไปสู่ขั้นตอนการบดเมล็ดกาแฟนั้นด้วยเครื่องมือแบบดั้งเดิม คือใช้มือหมุน แล้วนำไปชงทั้งแบบดริป (Drip) ซึ่งเป็นที่นิยมในกลุ่มฮิปสเตอร์ที่รักในรสชาติกาแฟ และการชงแบบอัดความดัน (Pressure) เป็นการใช้กาสำหรับชงกาแฟตั้งบนเตา และรอให้น้ำเดือดเพื่อดันน้ำผ่านเมล็ดกาแฟบดและออกมาเป็นกาแฟพร้อมดื่ม

ระหว่างนี้เจ้าบ้านก็นำหมั่นโถวทอดในตำนานฝีมือคุณแม่ออกมาเป็นของว่างคู่กับกาแฟ หรือจะดื่มกับชาดอกกาแฟที่ 1 ปีจะเก็บได้แค่ 1 ครั้ง ในช่วงเดือนมกราคม ให้กลิ่นหอมละมุน รสชาติหวานนิดๆ หลังจากนั้นทุกคนยังได้ฝากท้องชิมอาหารมื้อกลางวันรสชาติดีที่ก้อง วัลเลย์อีกด้วย

เป้าหมายต่อไป ซึ่งเป็นไฮไลท์ของการเดินทางครั้งนี้ นั่นคือ ฟาร์มสเตย์น่ารักๆ “บ้านไร่ ไออรุณ” ของคุณเบส – วิโรจน์ ฉิมมี สถาปนิกหนุ่มอนาคตไกลที่มีรางวัลการประกวดออกแบบเป็น การันตี แต่กลับเลือกเดินทางวิถีเรียบง่าย ผันตัวเองมาพัฒนาบ้านเกิดที่อำเภอกะเปอร์ จังหวัดระนอง พลิกฟื้นพื้นที่สวนรกให้กลายเป็นฟาร์มสเตย์ท่องเที่ยวเชิงเกษตรจนเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียง

ด้วยความมุ่งมั่นและเชื่อตามหลักคำสอนของรัชกาลที่ 9 ในเรื่องหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้จริง จนกระทั่งสามารถเติมเต็มความฝันของตนเองและครอบครัวได้ในที่สุด
ซึ่งอีซูซุเคยได้นำเรื่องราวของคุณเบสมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างภาพยนตร์เทิดพระเกียรติชุดที่ 15 ชื่อชุด “ความสุขออกแบบได้” ซึ่งฉายในโรงภาพยนตร์ในกลุ่มเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ทั่วประเทศ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนไทย โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ได้ตระหนักถึงวิถีแห่งความพอเพียงที่เหมาะสมกับตนเอง การมีความเพียรที่สม่ำเสมอ เพื่อดำเนินตามวัตถุประสงค์ที่ตนมุ่งมั่น ไปจนประสบผลสำเร็จ


คุณเบสได้บอกเล่าที่มาของฟาร์มสเตย์แสนสวยที่แม้จะประสบความสำเร็จอย่างสูงในเวลาอันรวดเร็ว แต่ยังคงเน้นเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป ภายในระยะเวลา 1 ปี 8 เดือน จาก 2 หลังแรกมาสู่ 7 หลัง โดยบ้านหลังที่ 8 อยู่ระหว่างการก่อสร้าง เพราะการขยายตัวของบ้านแต่ละหลัง คุณเบสไม่เคยกู้ยืมเงินจากธนาคาร แต่เป็นการออมรายได้จากค่าห้องพักมาลงทุนเพิ่ม โดยเจ้าตัวย้ำเสมอว่า “ไม่ได้อยากทำใหญ่โต หรือร่ำรวยอะไร แค่อยากมีบ้านสวย ๆ มีเวลาอยู่กับครอบครัว และมีความสุขในบ้านเกิดของตัวเอง”


คุณเบสบอกว่า“ตอนที่จบออกมาทำงาน ผมกลับรู้สึกว่ากรุงเทพฯ ไม่ใช่พื้นที่ของเรา พอได้กลับมาบ้านเกิดเลยเกิดความคิดว่าไหนๆ ก็เรียนจบสถาปัตย์มาแล้ว มาทำฝันในวัยเด็กให้เป็นจริงดีกว่า บ้านทุกหลังใน “บ้านไร่ ไออรุณ” จึงมาจากความฝันในวัยเด็กของผมที่อยากมีบ้านสวย ๆ บวกกับสิ่งที่พ่อแม่มีอยู่ก่อนแล้ว คือ การเกษตร ทั้งครอบครัวเลยมาพัฒนาพื้นที่ตรงนี้ให้เป็นธุรกิจเล็กๆ ของครอบครัว สร้างบ้านที่ทำให้คนที่มาพักรู้สึกสนุก เติมเต็มความฝันในวัยเด็กที่อยากมีห้องใต้หลังคา บ้านต้นไม้ บ้านที่มีลำธารหน้าบ้าน ได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ

ผมเชื่อมาเสมอว่า สิ่งที่จะผมทำจะดึงดูดคนที่มีความคิดแบบเดียวกันให้มาเจอกัน และทุกวันนี้มันเป็นแบบนี้จริงๆ คนมาพักเต็มทุกวัน ซึ่งไม่ใช่ครอบครัวผมเท่านั้นที่มีรายได้ แต่ยังช่วยให้ชาวบ้านได้มีงานทำ พัฒนาทั้งชุมชนและจังหวัด เกิดเทรนด์ใหม่ๆ ในการใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงในเชิงสร้างสรรค์ เพราะความพอเพียงไม่ได้หมายถึงการอยู่แบบยากจนหรือล้าหลัง หากนำความคิดสร้างสรรค์มาต่อยอดแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงจะก่อให้เกิดคำว่า “ยั่งยืน” ควบคู่ไปด้วย”

 

คณะผู้มาเยือนในครั้งนี้จึงอิ่มเอมกับการปล่อยชีวิตให้เดินไปช้าๆ ไปกับธรรมชาติ และทุกมุมสวยๆ ของบ้านพักแต่ละหลังที่มาพร้อมเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่ไม่เหมือนบ้านทั่วไป อาจจะต้องใช้ทักษะในการปีนป่าย ทิศทางการเปิดประตูที่ไม่เหมือนปกติ พร้อมกันนี้ยังได้ร่วมสนุกเก็บผักในแปลงและที่ขึ้นเองตามธรรมชาติเพื่อนำมาประกอบอาหาร

นำดอกไม้ที่ขึ้นทั่วไปมาประดับเป็นอาหารตาให้กับอาหารสดรสเลิศของแม่ครัวที่เป็นเหล่าญาติๆ ของคุณเบส

สำหรับคนที่ตื่นเช้านอกจากจะได้ชมสายหมอกที่ลอยอ้อยยิ่งเหนือยอดไม้แล้ว ยังได้ติดรถซาเล้งคุณพ่อ-คุณแม่ไปจ่ายตลาดเพื่อซื้อของสดมาจัดเตรียมเป็นอาหารเช้า นับเป็นความสุขที่เราทุกคนออกแบบเองได้โดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงของรัชกาลที่ 9 ที่ทุกคนสามารถทำตามได้

หลังจากอำลาความสุขสงบของ “บ้านไร่ ไออรุณ” คณะสื่อมวลชนได้เดินทางไปลิ้มรสอาหารกลางวัน ณ ร้าน “เคียงเลซีฟู้ด” ย่านหมู่บ้านชาวประมงในเขตตำบลกะแดะ อำเภอกาญจนดิษฐ์ สัมผัสวิถีชีวิตริมสายน้ำที่มองเห็นฝั่งพม่าอยู่ริบ ๆ

จากนั้นจึงไปไหว้พระ ถวายสังฆทานเพื่อเป็นสิริมงคลของชีวิตที่ “วัดวารีบรรพต” หรือวัดบางนอน ที่นอกจากจะมีพระพุทธไสยาสน์ที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ที่มีความยาวถึง 22 เมตรแล้ว ยังเป็นที่ตั้งของมหาทุติยเจดีย์ศรีบรรพต ที่มีรูปทรงคล้ายเจดีย์แบบพม่าจึงเป็นที่ศรัทธาของชาวพม่าที่อาศัยในจังหวัดระนอง และฝั่งพม่าที่มักจะข้ามมาทำบุญในวันพระ
อีกทั้งยังได้ไปไหว้ศพหลวงพ่อด่วน อดีตเจ้าอาวาส ที่เกิดเหตุอัศจรรย์ไฟไม่ไหม้ศพและจีวร จนนำมาบรรจุในโลงแก้วเป็นเวลานานถึง 10 ปีแล้ว

และปิดท้ายด้วยอาหารเย็นรสเลิศ ณ ร้าน “ฟาร์มเฮ้าส์” ร้านอาหารในบรรยากาศโรงนาฝรั่ง ก่อนเดินทางไปยังสนามบินระนองเพื่อกลับเข้าสู่การดำเนินชีวิตประจำวันกันต่อไป… จบทริปพิเศษ “อีซูซุวี-ครอส 4×4: ความสุขออกแบบได้”

สิ่งที่ได้กลับมาเต็มๆ นั่นคือ ความเข้าใจหลักการของ “ความสุข” และรู้ซึ้งถึงคำว่า “พอเพียง” แค่นี้ก็เป็นความสุขที่เราสามารถออกแบบได้

 

ธัญญลักษณ์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา
ผู้หญิงขับรถ
Facebook Comments