Brand: TOYOTA Model: Soluna
Year: 2003 Miles: 20001-40000
From: กฤษฎา เรืองขจร
: vios
สวัสดีปีใหม่ครับ
ผมอยากจะสอบเกี่ยวกับเรื่องการล้างแอร์
1.การล้งตู้แอร์แบบแอร์โฟร์เป็นอย่างไร
2.ระหว่างการล้างแบบถอดตู้กับไม่ถอดแบบไหนดีกว่ากัน
3.ราคาค่าล้างตู้แอร์อยู่ที่ประมาณเท่าไหร และช่วยกรุณาแนะนำร้านด้วยนะครับ เพราะผมกลัวช่างมั่ว
1-การล้างตู้แอร์แบบ แอร์โฟร์นั้น ผมดูแล้วเข้าใจว่า เป็นการล้างแบบคนซ่อมรถด้วยตนเอง ที่ทำกันมากในต่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา อันเป็นการทำงานที่ไม่ต้องใช้ฝีมือ และเครื่องมือระดับช่างอาชีพ
เพียงแต่หาน้ำยาอย่างใดอย่างหนึ่งมาอัดก๊าซเอาไว้ในกระป๋อง แล้วฉีดเข้าไปตามที่ต่างต่างที่ต้องการ แค่นั้น ก็เสร็จแล้ว พอแล้ว นี่ตามความเข้าใจของผู้ใช้ ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันได้ในกลุ่มผู้ซ่อมด้วยตนเอง
ผลที่ได้ออกมา ส่วนมาก ไม่ค่อยสะอาดเต็มที่จับใจ หรือเป็นที่ยอมรับของบรรดาช่างอาชีพ
ซึ่ง ก็จริงครับ
แต่ต้องระลึกไว้เสมอว่า ในต่างประเทศนั้น ค่าแรงในการซ่อมบำรุงแต่ละอย่าง สูง ถึงสูงมาก เพราะพลเมืองของเขาต้องมีรายได้ต่อหัวในระดับสูง เพื่อยังชีพอยู่ได้ในสภาพค่าครองชีพสูง เมื่อค่าแรงสูง คนก็ต้องมองหาทางซ่อมบำรุงยานพาหนะเอง
อีกทั้งยานพาหนะนั้นนั้น ก็ไม่ได้เจาะจงจะใช้กันนาน หรือใช้กันอย่างบ้านเรา คงใช้กันเพียงห้าปี เป็นส่วนใหญ่ของคนที่ซื้อรถยนต์มือหนึ่งได้ เขาก็กำหนดเอาไว้ระยะนั้น แล้วจะไปรักษาอะไรกันให้แพงไปทำไม เขาคิดกันอย่างนี้ครับ
การล้างแบบใช้น้ำยาพ่นเข้าไปในตู้แอร์นั้น มองง่ายง่ายก็เห็นแล้วอย่างชัดเจนว่า ไม่มีทางทำความสะอาดได้ดีเท่าเทียมกับการถอดรื้อออกมาล้าง เพราะมีจุดติดขัดในการปล่อยให้น้ำยาทำความสะอาดเองหลายอย่าง หลายประการ อาทิ น้ำยาไม่มีแรงขัดล้างสูงเหมือนบุคคลทำกันภายนอกแน่นอน หากมีแรงขัดล้างสูง ก็จะเกิดผลข้างเคียงกับชิ้นส่วนอื่นที่อยู่บริเวณเดียวกันได้แน่นอน และน้ำยาไม่มีตา ไม่มีความรู้สึก ไม่สามารถจะมองเห็นว่า ยังมีสิ่งสกปรกเหลือติดค้างอยู่มากเพียงไร ทำหน้าที่ได้เพียงแค่เอาคราบบางบางออกไปบางส่วน ก็สมเหตุสมผลแล้ว
สมเหตุสมผลอย่างไร ก็คือการล้างในจุดอับ ที่มองไม่เห็นนั้น ขอเพียงได้ผลพอรับความรู้สึกว่าสะอาดได้เล็กน้อย ก็เป็นผลยิ่งใหญ่เต็มร้อยแล้ว สำหรับผู้ขาย ผู้ให้บริการ และผู้ซื้อหรือผู้รับบริการ อย่าลืมนะครับ ว่าไม่เห็น
เมื่อไม่เห็นแล้ว ก็รับแค่ความรู้สึก ที่จะได้รับได้สัมผัสความเย็นที่เพิ่มขึ้นจากการเป่าของลม ที่แม้เพิ่มเพียงนิดเดียว ก็รู้สึกได้แล้ว เป็นสุขได้แล้ว และไม่มีทางจะเพิ่มได้มากระดับเดียวกับการนำออกมาล้างภายนอก
นี่ก็คือการล้างแบบแอร์โฟร์ หรือแอร์โฟลว์ ที่ผมก็ไม่แน่ใจว่าเขาเขียนอย่างไรในภาษาอังกฤษ จึงไม่อาจจะรับรองได้ว่า ที่ผมเขียนนี้ถูกต้อง เคยแต่ได้ยินคนพูดหรือเรียกขานกันทำนองนี้เท่านั้น
ส่วนการล้างแบบถอดออกมาล้างนั้น ต้องเป็นงานฝีมือของช่างอาชีพ ที่จะต้องถอดรื้อแอร์ออกมาจากใต้แผงหน้าปัดของรถยนต์ ใช้ความอุสาหะและพยายามสูงกว่าการเพียงเอาท่อน้ำยาเสียบเข้าที่ช่องลมของแอร์ แล้วพ่นน้ำยาเพียงไหน คุณคงมองออก
แล้วยิ่งกว่านั้น ก็ยังสามารถล้างได้สะอาดหมดจรด ได้มีโอกาสตรวจสอบความชำรุดเสียหายของระบบแอร์เกือบทั้งระบบได้ในคราวเดียว ได้ซ่อมบำรุงเสร็จพร้อมในคราวเดียว แน่นอนที่ว่า จะต้องมีราคาสูงกว่า และเวลานานกว่าแบบไม่ถอดออกมามากทีเดียว
2-หากถามว่า เลือกการล้างตู้อย่างไรดี ก็ต้องถามตัวเอง ว่าคุณพอใจจะทำอย่างไร หลังจากอ่านข้อมูลที่ผมให้ในการตอบข้อที่ 1 แล้ว จากนั้น ก็เลือกเอาเอง เพราะได้เปรียบเทียบไว้ชัดเจนอย่างยิ่งแล้ว
3-ตกลงจะล้างแบบไหนล่ะครับ ผมต้องถามกลับ จริงไหม เพราะคุณถามมาสองอย่าง แต่มาถามตรงนี้แบบไม่ระบุว่าจะล้างแบบไหน
เอาง่ายง่ายก็แล้วกัน ค่าล้างตู้แอร์แบบถอดออกมาล้างนี่ ตกประมาณ 2,700-3,500 บาท ไม่รวมความเสียหายที่อาจจะพบหลังถอดออกมาแล้วนะ เช่นการรั่วของซีล การทำงานผิดปกติของวาล์วในระบบ อะไรเหล่านี้ ต้องเสียเพิ่มหากพบ
การล้างแบบขอไปที ไม่ถอด ก็ไม่ทราบเหมือนกัน ได้ยินมาว่า ราวราวพันเศษ ที่ไม่ทราบ ก็เพราะผมไม่ได้สนใจเท่านั้นเอง
อ้อ ล้างแบบมืออาชีพ ผมก็แนะนำร้านราชันต์แอร์ บางนาตราด กิโลเมตรที่ 7 ขาเข้าซ้ายมือครับ-ธเนศร์
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…