ก่อนที่จะเริ่มบทความ ผมอยากจะบอกว่า มีคนเขาร้อนตัวเกี่ยวกับเรื่องบางเรื่องที่ผมเขียนไป หาว่าไปด่าไปว่าเขา ฮ่าฮ่า แล้วเรื่องที่เขียนที่เล่ามันจริงรึเปล่าล่ะครับ ถ้าไม่ใช่ก็อย่าร้อนตัว อีกอย่างบอกว่าไม่เข้ามาอ่าน แล้วรู้ได้ไง เพราะไม่ได้ไปเขียนหรือเล่าให้ใครเขาฟังกัน เรื่องอื่นมีอีกเยอะแต่ยังไม่อยากเล่า รอไว้ว่างๆแล้วค่อยมาแฉดีกว่า เอาแต่เรื่องงานนะเรื่องอื่นไม่เกี่ยว เวลาเล่าให้คนอื่นฟังนะเล่าให้หมดซิว่ามันเกิดจากอะไร ไปทำอะไรไว้ก่อน ของแบบนี้มันมีสาเหตุ คงรู้อยู่ว่า ผมโกรธ เกลียดใครนะมันยากนะ จริงรึเปล่า พี่ พ้อง น้อง เพื่อน
สายๆของวันศุกร์ ก่อนคืนวันฮาโลวีน ผมและผู้สื่อข่าวสายรถยนต์ส่วนหนึ่ง มีนัดหมายกันที่โรงแรมไม่เล็กไม่ใหญ่ในซอยสุขุมวิท 16 เพื่อมาทดลองขับ ฟอร์ดโฟกัสเครื่องยนต์เบนซิน หลังจากที่เคยทดลองขับเจ้าตัวดีเซลมาแล้วเมื่อช่วงต้นปีที่
ผ่านมา ตามไปดูได้ที่(http://www.caronline.net/ArticleDetail.aspx?ArticleID=315)
การทดลองขับในวันนี้นั้น เป็นแบบเช้าไปเย็นกลับ ขับสบายๆไปไม่ใกล้ไม่ไกล สถานที่และจุดต่างๆนั้นเราเริ่มจากกรุงเทพมหานครมุ่งหน้าไปยังจังหวัดอยุธยาแวะมาลองสมรรถนะของช่วงล่างและการควบคุมรถที่บริเวณเมืองทองธานี
ก่อนจะกลับมายังจุดเริ่มต้นนัดหมายกันเก้าโมงครึ่ง ก่อนออกตัวก็มาฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับตัวรถกันอีกครั้ง โดยมีพีอาร์สาว คุณดวงกมล อิศรพันธ์ คอยอธิบายข้อมูลเกี่ยวกับรถ เสร็จสิ้นการบรรยายพร้อมแล้วไปลองกันเลย
ทีมงานได้นำรถลงจอดบริเวณหน้าโรงแรมมีทั้งหมดห้าคัน ทั้งเครื่อง 2.0 และ 1.8 เลือกรถกันตามสะดวก โชคดีหรือร้ายก็ไม่ทราบผมได้ 1.8 เกียร์ธรรมดาขึ้นรถปรับตำแหน่งต่างๆให้เรียบร้อยค่อยออกตัว ปรับตัวทำความคุ้นเคยกับรถเล็กน้อยแต่ก็มีพลาดเหมือนกัน คือตำแหน่งของไฟเลี้ยวกับที่ปัดน้ำฝนสลับกัน มีเปิดผิดกันบ้างตามความเคยชิน
วัสดุหรือการตกแต่งนั้นผมคงจะไม่พูดถึง แต่สิ่งสำคัญคือการขับขี่มากกว่า ใช่รึเปล่าครับ ต้องบอกว่าการขับขี่ในช่วงแรกออกจากโรงแรมมุ่งหน้าไปขึ้นทางด่วนท่าเรือ กับการจราจรที่หนาแน่นนั้น โฟกัสก็แทรกเข้าไปสู่กระแสการจราจรได้อย่างสบาย ขับขึ้นทางด่วนมุงหน้าไปยังปั้ม ปตท. เลียบด่วนเอกมัย-รามอินทราเพื่อเติมน้ำมัน อี 20 ใช้เวลาไม่นานก็ถึงปั้ม
แม้ว่าระยะหลังมานี้ไม่ได้ขับเกียร์ธรรมดามาเลย ก็ไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด คลัทช์ของโฟกัสน้ำหนักกำลังดี ไม่แข็งหรือนิ่มเกินไป ขับสบายมากถ้ารถไม่ติด ออกจากปั้มมุ่งหน้าไปยังวงแหวนตะวันตกหรือออกนี่ไม่เคยจำแฮะ รู้แต่มุ่งหน้าไปยังอยุธยา บางปะอิน โดยใช้ทางด่วนที่เปิดไม่นาน ที่ต่อจากรามอินทราไปยังวงแหวน ช่วงนี้เองได้มีโอกาสทดลองอัตราเร่งซึ่งผมอยากจะบอกว่าไม่ได้ทิ้งห่างจากคู่แข่งในกลุ่มเลย เสียดายแต่ว่าผมไม่มีเครื่องมือวัดเท่านั้นเอง ความเร็วที่สามารถทำได้นั้นกดไปถึง170กม./ชม.เลยที่เดียว การสั่นสะเทือนของช่วงล่างนั้นน้อยมาก สังเกตุจากการสั่นของน่องและช่องท้อง เบาะนั่งแม้จะเป็นเบาะผ้าแต่ก็นั่งสบาย ระบบความปลอดภัยนั้นให้มาครบตั้งแต่รุ่นล่างสุด มีมาทั้ง ABS EBD BA กระจกหน้าแบบนิรภัยสองชั้น ถุงลมนิรภัย กระจกไฟฟ้าพร้อมระบบ jam protection ทุกบาน และเมื่อคุณเบรกแบบกระทันหันหรือฉุกเฉินก็ตาม ไฟฉุกเฉินก็จะกระพริบขึ้น เพิ่มความปลอดภัยให้รถที่ตามมาเห็น เครื่องยนต์ 1.8 ให้กำลัง 125 แรงม้าที่ 6,000รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 165 นิวตันเมตรที่ 4,000รอบต่อนาที
ขับกันไปจนเลยเที่ยงเล็กน้อย คณะของเราเดินทางมาถึงร้านอาหารเรือนไทยกุ้งเผา ร้านนี้จะเรียกว่าเป็นร้านของชุมชนก็ว่าได้ ลองดูจากป้ายที่เขียนไว้แล้วกันอาหารต่างๆที่นำมาจัดวางไว้นั้น หลักๆแล้วจะมีกุ้งเป็นส่วนประกอบเกือบทั้งหมด รสชาติอร่อยมากครับ กุ้งแม่น้ำตัวใหญ่มาก ใช้เวลาอยู่ที่นี่เกือบชั่วโมง ทั้งกินข้าวและให้อาหารปลาในบริเวณร้านอาหาร อิ่มท้องอิ่มใจแล้วเราเดินทางมุ่งหน้าไป
ยังโบสถ์คริสต์ วัดนักบุญยอเซฟ เราเข้าไปชมความสวยงามและฟังบรรยายประวัติความเป็นมาต่างๆของที่นี่ ถ้าใครพอมีเวลาหรือผ่านมา แวะเข้ามาชมกันหน่อยก็ดีเหมือนกันนะ แต่ถ้ามากันเป็นหมู่คณะลองติดต่อขอให้เจ้าหน้าที่มาบรรยายให้ฟังก็ดีเหมือนกัน
เสร็จจากนั้นเราก็มุ่งหน้ามายังเมืองทองธานีเพื่อมาทำการทดสอบประสิทธิภาพของรถกันกับด่านพิเศษที่จัดขึ้นเป็นการขับแบบจิมคาน่า ขับธรรมดาก็ไม่สนุกซิครับ มีอะไรเพิ่มนั้นก็คือการเอาลูกบอลมาติดไว้ที่ด้านหลังบริเวณบังโคลนซ้ายทั้งสอง
ด้าน เป็นการท้าทายที่มากขึ้น นอกจากจะขับแล้วยังต้องมาเล่นเกมเพิ่มขึ้นไปอีก โดยการเตะบอลเข้าโกล์ด หลังจากขับเสร็จ โดยกติกาวันนี้ชนกรวยบวก 2 วินาที ลูกบอลตกบวก 5 วินาที เตะบอลไม่เข้าบวก 5 วินาที จอดรถเลยหรือไม่เข้าจุด
บวก 2 วินาที ทราบกติกาแล้วก็มีรอบทดลองขับกันก่อน ตอนลองนี้และครับ ขับถูกต้องเส้นทาง ถูกไม่มีอะไรผิดเลยเวลาก็พอใช้ครับ แต่รอบขับจริงเนี่ยพลาดครับ ในการแข่งนั้นคนขับต้องมากดเวลาเองการจุดสตาร์ทแล้วเข้ามาในรถคาดเข็มขัด
ให้เรียบร้อยค่อยออกตัว เวลาผมนั้นดีมากพลาดจุดที่สองครับ ตอนวนรถเสียดายมากเพราะไม่โดนบวกเพิ่มเลย เตะบอลก็เข้า เฮ้อสิงห์สนามซ้อมหมูสนามจริง เสียดายจริงๆ จุดเด่นของโฟกัสนั้นก็ได้แสดงให้เห็นกันที่นี่ ทั้งเรื่องการควบคุม ความคุมรถ พวงมาลัยไฟฟ้าที่วงเลี้ยวคมแม่นยำ ช่วงล่างที่เฟิร์มมั่นใจได้ การยึดเกาะดีทีเดียว
เสร็จสิ้นภารกิจ เราก็มุ่งหน้ากลับสู่โรงแรมเพื่อนำรถไปคืน คราวนี้มีโอกาสขับเกียร์ออโต้บ้าง สิ่งแรกที่ได้เห็นก็คือ การตกแต่งต่างๆที่ดูหรูหรามากขึ้น สีส้มของแผงหน้าปัทม์สวยงามชัดเจน มีข้อมูลแสดงให้เห็นทั้งระยะทางที่วิ่งได้
ปริมาณการสิ้นแปลืองน้ำมัน ส่วนการขับขี่นั้นไม่แตกต่างกันเลย เว้นเสียแต่ว่าการตอบสนองนั้นด้อยกว่าเกียร์ธรรมดาอยู่เล็กน้อยแลกกับความสะดวกสบาย จะเอาอะไรละครับโฟกัสเขามีอยู่ 4 รุ่นให้เลือกกัน ได้แก่ แอมเบียนต์ (Ambiente) ฟิเนซ(Finesse) เกีย (Ghia) แบบซีดาน 4 ประตู และ สปอร์ต(sport) 5 ประตู ราคาเริ่มต้นที่ 749,000 บาท
รถทุกคันนั้นเขาก็ข้อดีข้อเด่นแตกต่างกันไป ฟอร์ดโฟกัสก็เช่นกัน มันมีอะไรดีที่ซ่อนอยู่ตัวรถนะ ใช้ได้ไม่แพ้ใครในกลุ่มหรอก เพียงแต่ว่ามีอะไรบางอย่างที่หลายคนไม่ได้สนใจสังเกตุ จากบนท้องถนนโฟกัสก็มีไม่น้อย ยังไงแล้วไปลองขับดู
แล้วคุณจะรู้ว่าโฟกัสมีดีเหมือนกัน
เรื่อง เปรมศักดิ์ เพียรพานิชย์
ภาพ ทีมงานฟอร์ด&โจ้
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…