ได้มีโอกาสขับNEW MG ZS EV ซึ่งเป็นรถแบบ SUV ตามแบบฉบับของเอ็มจีที่ผสมผสานระหว่าง ความสวยงาม ความเป็นสากล และความทันสมัยในสไตล์รถยุโรปเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
สีตัวถังแบบพิเศษ “สีฟ้า Copenhagen Blue” กระจังหน้าทันสมัยพร้อมการติดตั้งจุดชาร์จไว้บริเวณ หลังกระจังหน้า ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 17 นิ้ว
ห้องโดยสารตกแต่งโทนสีดำ พร้อมการตกแต่งคอนโซลหน้า ด้วยวัสดุนุ่มแบบ Soft touch ให้ความรู้สึกหรูหรามีระดับมากขึ้น พวงมาลัยทรงสปอร์ตหุ้มหนังแบบมัลติฟังก์ชั่น สามารถควบคุมฟังก์ชั่นการใช้งานในรถที่เชื่อมกับหน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว ได้เพียงปลายนิ้ว และระบบปรับอากาศแบบดิจิตอลที่มาพร้อมระบบกรองอากาศที่สามารถกรองฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5
ห้องโดยสารก็กว้างนะคะ มีหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof)
พื้นที่นั่งด้านหลังตรงช่วงวางเท้าจะเป็นแผ่นเรียบ ไม่มีรอยนูนตรงกลางไม่เกะกะเท้า
ก้านเปิดไฟเลี้ยวแบบยุโรปนะอยู่ซ้ายมือ
NEW MG ZS EV เป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ ในการขับเคลื่อน ที่ให้ทั้งสมรรถนะ อัตราเร่งที่รวดเร็ว มีแรงม้า 150 (110 กิโลวัตต์) แรงบิด 350 นิวตันเมตร เร่ง จาก 0-50 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ด้วยระยะเวลาแค่ 3.1 วินาที และให้ระยะทางขับเคลื่อนสูงสุด 337 กิโลเมตร* ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐาน NEDC หรือมาตรฐานการทดสอบความประหยัดน้ำมันและมลพิษ ของยุโรป)
แต่ขับจริงก็ขึ้นอยู่กับโหมดที่เราใช้และความเร็วที่ใช้ด้วยซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวแปรของระยะทางที่ได้ในการขับขี่ว่ามากหรือน้อย
การขับขี่ที่เงียบ ปราศจากมลพิษและเสียงรบกวนจาก มอเตอร์ไฟฟ้า
พร้อมแบตเตอรี่ แบบลิเธี่ยม ไอออน (Lithium-ion) ความจุ 44.5 kWh ที่ผ่านการรับรองและทดสอบตามมาตรฐานสากล โดยสามารถวิ่งผ่านน้ำที่มีความสูงได้ถึงกว่า 40 เซนติเมตร ในขณะที่แบตเตอรี่ยังคงสามารถทำงานได้ตามปกติ
อีกทั้งยังมีระบบการปกป้องแบตเตอรี่แบบ 360 องศา
MG ZS EV ยังมาพร้อมระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) ที่สามารถ ชาร์จพลังงานในระหว่างการขับขี่กลับเข้าแบตเตอรี่ (Regenerative) ที่สามารถเลือกระดับการชาร์จพลังงานกลับ ได้ถึง 3 ระดับ ระดับ 3 จะชาร์จได้เร็วขึ้น
นอกจากนี้ ยังสามารถปรับโหมดการขับขี่ได้ 3 รูปแบบ เพื่อให้เหมาะกับสไตล์ ในการขับขี่ของแต่ละคน ประกอบด้วย โหมดการขับขี่แบบ Eco เพื่อการประหยัดพลังงานมากยิ่งขึ้น แบบ Normal สำหรับการขับขี่ทั่วไป และ แบบ Sport เพื่อการขับขี่ที่เร้าใจ
ระบบความปลอดภัยก็ไม่น้อยหน้าใคร
• ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-Beam Control)
• ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
• ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
• ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning)
• ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
• ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention)
• ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist)
• ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist)
• ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
• ระบบเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light) ระบบป้องกัน การไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold) ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake) พร้อมระบบกุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer ตลอดจนถุงลมนิรภัยคู่หน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัยรวม 6 จุด รวมถึงกล้องมองหลังและเซ็นเซอร์
• การชาร์จไฟแบบธรรมดา (Normal Charge) ผ่าน MG Home Charger ใช้เวลาชาร์จไฟจาก 0-100% ในระยะเวลาเพียง 6.5 ชั่วโมง
• การชาร์จไฟแบบเร็ว (Quick Charge) ผ่านสถานีชาร์จไฟฟ้าสาธารณะ (Public Charging Station) โดยใช้เวลาชาร์จไฟจาก 0-80% ในระยะเวลาเพียง 30 นาที
นอกจากนี้ เอ็มจี ยังได้ลงนามความร่วมมือกับ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เพื่อติดตั้ง สถานีชาร์จ EA anywhere ให้กับโชว์รูมของเอ็มจี ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนโชว์รูมอยู่ถึง 110 แห่งทั่วประเทศ และกำลังจะขยายเป็น 130 แห่ง ภายในปีนี้
อีกทั้งยังได้ลงนามความร่วมมือกับการไฟฟ้านครหลวง (MEA) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ในการติดตั้งที่ชาร์จ เพื่อเป็นการลดข้อจำกัดและคลายความกังวลของผู้บริโภค ในการที่จะตัดสินใจใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า
ด้วยการเชื่อมต่อผ่านหน้าจอภายในรถ หรือ SMART Connect
และการตรวจเช็กรถจากมือถือ หรือ SMART Check
ซึ่งผู้ขับขี่ NEW MG ZS Eจะสามารถเช็คระดับพลังงานคงเหลือของแบตเตอรี่ การเช็คสถานะและระยะเวลาของการชาร์จแบตเตอรี่ แบบเรียลไทม์ การค้นหาสถานีอัดประจุไฟฟ้าใกล้เคียง หรือสถานีชาร์จที่โชว์รูมทั่วประเทศ รวมทั้งการสั่งการ MG Home Charger สำหรับการชาร์จไฟที่บ้านได้อีกด้วย
ประหยัดค่าใช้จ่ายและค่าซ่อมบำรุง
เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ช่วยให้ผู้ขับขี่ประหยัดเงินค่าพลังงานกว่ารถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันเชื้อเพลิง นอกจากนี้ ด้วยระบบขับเคลื่อนที่มาจากแบตเตอรี่ และมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหลัก จึงทำให้ชิ้นส่วนอะไหล่น้อยลง การดูแลรักษาเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นอีกทั้งยังประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง
ก็ได้ลองที่สนาม MG Driving Experience เพื่อดูการทรงตัวและการเข้าโค้งของตัวรถ ก็เป็นที่น่าพอใจ
หลังจากนั้นก็ออกเดินทาง เส้นทางกรุงเทพฯ- เพชรบุรี ระยะทางไปกลับประมาณ 240 กิโลเมตร
ก่อนเดินทางจะเห็นไฟชาร์จอยู่ที่ 94 % เส้นทางที่เราขับรถติดมากเลยแถวพระราม 2 แต่เมื่อเลยไปแล้วก็ทำความเร็วได้เลย ความเร็วที่ใช้ก็อยู่ที่ 90-120 โหมดที่ใช้ก็ใช้โหมดธรรมดา เมื่อถึงที่ร้านอาหาร ครัวบ้านขวัญ ก็เหลือไฟเหลือ 50 % ใช้ไป ประมาณ 44%กับระยะทางประมาณ 120 กิโลเมตร
ที่นั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า ด้านผู้โดยสารข้างคนขับเป็นแบบปรับธรรมดา
เบาะนั่งด้านหลังปรับได้แบบ 60:40
เมื่อเหยียบคันเร่งก็ต้องเรียนรู้ก่อนเพราะแรงจากมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่มาเต็มๆรถจะพุ่งทันทีต้องค่อยๆเหยียบ เมื่อเร่งแซงความเร็วเห็นเห็นเลยว่ามาต่อเนื่อง
ส่วนเบรกอ่านจะรู้สึกเหมือนมีระยะห่างหน่อยแต่อยู่นะคะ ขับไปสักพักก็คุ้นเคย
การเกาะถนนดี
ถึงที่ร้านครัวข้าวขวัญนี้จะมีช่องชาร์จ ของ EA ทั้งหมด 16 ช่อง เป็นของ DC 1 ช่อง (DC ชาร์จเร็ว) ซึ่งเราก็แวะทานข้าวกันที่นี่ช่วงทานข้าวก็ชาร์จกันแบบ DC ซึ่งแบบชาร์จเร็วใช้เวลาประมาณ 30 นาที ชาร์จได้ 90 % ขากลับเราเปลี่ยนเส้นทางเล็กน้อยถึงทีหมายไฟชาร์จเหลือประมาณ 46 % เท่ากับใช้ไป 44 %เช่นกัน ถ้าเป็นเช่นนี้น่าจะได้ระยะทางถึงประมาณ 240 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
ก็ไม่ได้ลองขับจนไฟเกือบหมด
สิ่งที่พวกเราดูกันอยู่ตลอดเวลา พวกเรานั่งไปกัน 3 คน ก็คือหน้าจอว่าใช้ไฟไปกี่เปอร์เซ้นต์แล้ว
ราคาจำหน่ายที่ 1,190,000 บาท
รับประกัน 4 ปี 120,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) รับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี
ก็เป็นรถพลังานไฟฟ้าที่น่าใช้อีกหนึ่งคัน ตอนนี้ก็ขอแต่เพียงให้เพิ่มสถานีชาร์จไฟให้มากยิ่งๆขึ้นเพื่อที่สร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้รถ
ธัญญลักษณ์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา(อาลองรีวิว)
ผู้หญิงขับรถ
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…