ระบบระบายความร้อน
Brand: MAZDA Model: Lantis
Year: 1995 Miles: 100001 – More
From: นภาจิตร เพียรล้ำเลิศ
คุณอาคะ
ขอสอบถามเกี่ยวกับระบบระบายความร้อนด้วยค่ะ คือว่า ปกติหนูจะหมั่นสังเกตห้องเครื่องของรถบ่อยๆเนื่องจากรถใช้งานมานานหลายปีแล้ว ทุกวันหลังจากใช้งานในตอนเย็น จะเปิดฝาห้องเครื่อง และจะสังเกตเห็นระดับน้ำในหม้อพักน้ำสูงกว่าขีดบนตามปกติประมาณ 1-2 นิ้ว (ระดับน้ำตอนเครื่องเย็นจะอยู่ที่ขีดบน) เมื่อวานซืนก็ยังเห็นปกติเช่นทุกวัน แต่มาเมื่อวาน ช่วงเย็นหลังกลับจากทำงาน สังเกตเห็นว่า ทำไมระดับน้ำในหม้อพักน้ำอยู่ที่ระดับเดียวกับตอนเครื่องเย็นคือขีดบน ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะช่วงเครื่องร้อน จะต้องมีน้ำล้นจากหม้อน้ำมาพักไว้ที่หม้อพักน้ำก่อนเสมอ หนูก็เลยรอจนเครื่องเย็น แล้วสังเกตดูใหม่ ปรากฎว่าระดับน้ำในหม้อพักน้ำลดต่ำกว่าขีดบนประมาณ 1 นิ้ว ก็เลยสงสัยว่าท่อน้ำช่วงไหนคงจะรั่วอีกแน่ ก็เลยสังเกตใต้ท้องรถ เจอแค่คราบน้ำเล็กๆ และน่าจะเกิดจากหยดน้ำเพียงหยดเดียวบริเวณใต้แถวพวกลูกรอกสายพานเครื่อง ทีแรกก็นึกว่า หรือจะเป็นปั๊มน้ำรั่ว แต่ถ้ารั่วจริง จะต้องเห็นคราบน้ำมากกว่านี้ (แสดงว่าน้ำคงจะระเหิดไปในระหว่างรถวิ่ง) เพราะเคยเปลี่ยนปั๊มน้ำมาเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ส่วนปั๊มน้ำเสียคงจะไม่ใช่ เพราะคุณอา เคยตอบคำถามก่อนหน้านี้ว่า ปกติเขาจะเปลี่ยนปั๊มน้ำกันที่ประมาณ 100,000 กม. (ว่าแต่ว่า ปั๊มน้ำเสียกับรั่วนี่ไม่เหมือนกัน ใช่ไหมคะคุณอา ถ้ารั่วยังไงก็ต้องเปลี่ยนทุกครั้ง ใช่หรือไม่คะ) ส่วนอาการรถหนูตอนนี้ ก็เลยยังไม่แน่ใจว่าจะเป็นจากจุดไหน คงต้องสังเกตอีกสักพักค่ะ คุณอาคะ ปกติแล้ว อุณหภูมิในหม้อน้ำสูงแค่ไหนที่จะก่อให้เกิดภาวะน้ำล้นจากหม้อน้ำมาเก็บไว้ที่หม้อพักน้ำค่ะ การใช้รถช่วงเช้ามืดโดยไม่เปิดแอร์ กับ ใช้รถช่วงเย็นโดยเปิดแอร์ เหตุการณ์ไหนที่อุณหภูมิน้ำในหม้อน้ำจะสูงกว่ากัน เพราะช่วงเวลาที่ใช้รถทั้ง 2 เหตุการณ์นั้น อุณหภูมิภายนอกไม่เท่ากัน (ที่ถาม เพราะจะนำมาเป็นข้อสังเกตอีกข้อหนึ่งค่ะ) ขอบคุณมากค่ะ
เปลี่ยนท่อน้ำที่ออกมาจากหม้อพักน้ำ เนื่องจากรั่ว พอเจอแรงดันน้ำขณะติดเครื่องจนร้อน น้ำจะพุ่งฉีดเห็นชัดเจน และเปลี่ยนหม้อพักน้ำ ก่อนหน้านั้น ก็เคยเปลี่ยนท่อน้ำเลี้ยงไอดี เนื่องจากท่อผุ จนมีผลทำให้ระดับน้ำในระบบระบายความร้อนหายไปบ่อยๆ
ดีมากครับ คุณเป็นผู้ใช้รถที่ดีท่านหนึ่ง ที่ผมต้องแสดงออกถึงความนิยมไว้ตรงนี้ ภริยาผมเอง ทำรายการวิทยุกับผมแทบทุกวัน ยังแทบไม่เคยเปิดฝาครอบเครื่องออกมาเพื่อตรวจสภาพเลย นอกจากคอยดูพื้นใต้รถ เวลาเคลื่อนรถออกจากที่แล้ว หากเจอรอยน้ำมัน หรือรอยน้ำหยด จึงจะโวยวายเรียกร้องให้ผมลงไปดูให้อีกที ฮ่า ฮ่า
คุณนภาจิตรต้องนำรถเข้าไปรับการเช็กแล้วละครับ โดยเลือกนะครับ ต้องเลือกอู่ที่มีเครื่องมือตรวจสอบระบบระบายความร้อนจริง และใช้เป็น ซึ่งผมเองรู้จักมักคุ้นอยู่แห่งเดียวคือที่อู่วัฒนา ลำสาลี ที่ไม่ทราบว่า แนะนำไปแล้ว คุณจะรู้สึกอย่างไร เพราะแนะนำอยู่ได้ที่เดียว แต่ก็เผอิญเป็นที่ที่ผมรู้จัก และแวะเวียนเข้าไปตรวจสอบสภาพการทำงานของเขาบ่อยเท่านั้นเอง
ไม่ได้มีเจตนาจะเชียร์ให้ซ่อมที่เขา แต่รู้ว่าเขามีเครื่องมือ และเขาใช้เครื่องมือเป็น
อันที่จริง หลายอู่ครับ ในกรุงเทพฯ ที่ใช้เครื่องมือตัวนี้ แต่เผอิญอีกเช่นกัน ที่ผมไม่รู้จักอู่หลายอู่นั้น ต้องขออภัยท่านเจ้าของอู่ด้วยก็แล้วกันครับ แต่อู่ไหนที่มีและใช้ คุณนภาจิตรก็เข้าไปให้เขาเช็กให้ได้เลยครับ
เสร็จแล้ว ก็จะพบว่า น้ำรั่วที่ไหน อาจจะรั่วแถวปะเก็นของปั๊มน้ำ ก็เปลี่ยนแค่ปะเก็น หรือรั่วที่ท่อน้ำ ก็เปลี่ยนกันที่สายรัด หรือท่อน้ำนั้นนั้นไปอย่างเดียวก็พอครับ
อุณหภูมิในหม้อน้ำ น่าจะสูงกว่าเมื่อคุณใช้แอร์ เพราะแอร์จะมีการคายความร้อนออกมาทางคอยล์ร้อนหน้าหม้อน้ำ ทำให้อากาศที่ผ่านหม้อน้ำร้อนกว่าปกติเล็กน้อย
แต่เมื่อจะถามว่า อุณหภูมิเท่าไร น้ำจะดันออกไปยังหม้อพัก ก็คงต้องตอบว่า ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ แต่ขึ้นอยู่กับแรงดันในระบบระบายความร้อน ที่เกินเท่าไร จึงจะเปิดทางที่ฝาหม้อน้ำให้น้ำทะลักออกไปอยู่ในหม้อพักน้ำ อันที่จริง แรงดันก็เกิดจากอุณหภูมินั่นแหละครับ แต่ไม่ค่อยมีใครพูดถึง เขามุ่งไปกันที่แรงดันมากกว่า แรงดันนั้น ก็จะทราบได้จากค่าแรงดันที่เขียนไว้บนฝาหม้อน้ำนั่นแหละครับ อาจจะเป็น 0.9 Bar หรือสูงกว่านั้น ต่ำกว่านี้ ก็แล้วแต่การออกแบบให้ระบบทำงานครับ-ธเนศร์