รถแข่งใช้ ไบโอเอททานอล

กีฬามอเตอร์สปอร์ต ในบ้านเรามีผู้สนใจพอสมควร และมีนักกีฬาที่มีฝีมือระดับที่โลกรู้จักไม่มากนัก แต่หนุ่มน้อยวัย 25 ปี จากโอเรกอน สหรัฐอเมริกา คนนี้ ชื่นชอบในกีฬามอเตอร์​สปอร์ต โดยเฉพาะการดริฟท์ โดยใช้รถยนต์ นิสสัน 240 เอสเอ็กซ์ ที่แต่งออกมาได้ 860 แรงม้า โดยใช้เชื้อเพลิง ไบโอเอททานอล ทำจากเศษอาหาร ดริฟท์รถควันดำขโขมง แต่กลิ่นไอเสียกลายเป็นกลิ่นของอาหาร โดยไม่เป็นพิษแต่อย่างใด

สาเหตุที่เลิกใช้เชื้อเพลิงเป็นนำ้มันเบนซิน ก็เพราะแถบอู่ซ่อมรถของเขา มีร้านอาหาร ซัมมิท ฟู๊ด ที่ประสบปัญหาราคาแพง ที่ต้องกำจัดซากน้ำตาล จากการทำธุรกิจค้าขายผลไม้ตากแห้ง กับผู้ผลิตขนมขบเคี้ยว และได้ซากน้ำตาลจากการอบแห้งผลไม้ ซึ่งไม่สามารถเททิ้งลงในท่อระบายน้ำได้ ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการกำจัด เดือนละ 1,200,000 บาท จึงต้องค้นคิดหาวิธีการเพื่อให้ประหยัดเงินค่าใช้จ่ายต่อเดือน

ซัมมิท ฟู๊ด เลยตั้งบริษัทลูกขึ้นมา ในชื่อ ซัมมิท เนเจอรัล เอ็นเนอจี้ เพื่อผลิตไบโอเอททานอล จากซากน้ำตาลของผลไม้ตากแห้ง และเศษผลไม้ต่างๆ เหล่านั้น ด้วยการใช้ยีสต์ชนิดเดียวกับที่ใช้ทำขนมปัง หรือเบียร์ เข้าไปทำกระบวนการทางเคมี C6H12O6 ซึ่งจะได้เป็น เอททานอล CH3CH2OH หนึ่งส่วน และ คาร์บอนไดออกไซด์ CO2 สองส่วน และหลังจากที่สามารถพัฒนาออกมาเป็นเชื้อเพลิง ไบโอเอททานอล ได้แล้ว ซัมมิท ฟู๊ด ก็เริ่มติดต่อผู้ผลิตและร้านอาหารที่อยู่ใกล้เคียง เพื่อซื้อของเสียที่ผู้ผลิตแต่ละแห่งต้องเสียค่าใช้จ่ายในการกำจัดเหล่านั้น นำกลับมาผลิตไบโอเอททานอล เพิ่มเติม

จากรายงานของ หน่วยงานปกป้องส่ิงแวดล้อม ระบุว่า คนอเมริกัน ผลิตหรือทำให้เกิดของเสียจากอาหาร 40% ของปริมาณอาหารทั้งหมด ซึ่งตกราว 36 ล้านตัน ในปี 2555 ทำให้ ซัมมิท ฟู๊ด ต้องตั้งบริษัทลูกขึ้นมา และเพื่อการจำหน่ายไบโอเอททานอล เป็นเชื้อเพลิง จึงได้ติดต่อทีมแข่งขันรถยนต์ เพื่อให้ใช้เชื้อเพลิงชนิดใหม่นี้ ซึ่งหลังจากได้ทดลองใช้แล้ว ทีมแข่ง ก็ตกลงใช้เชื้อเพลิงชนิดนี้ถึง 30 ทีม รวมทั้งทีมคอฟฟ์แมน เรซซิ่ง ที่ว่านี้

น้ำมันเชื้อเพลิงเบนซิน ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์ในอเมริกา มีราคาค่อนข้างแพง และทีมแข่งบางส่วน ก็เริ่มหันมาปรับใช้เชื้อเพลิง นำ้มันเบนซิน ซึ่งมีส่วนผสม เอททานอล ซึ่งทำจากข้าวโพดกันเป็นส่วนใหญ่ แต่เมื่อได้ใช้เชื้อเพลิงชนิดใหม่ ทำจากเศษอาหารนี้ ทำให้เครื่องยนต์ประหยัดเชื้อเพลิงได้เพิ่มขึ้น และค่าไอเสียก็ค่อนข้างต่ำ แถมบางทีมยังบอกว่า กำลังเครื่องยนต์เพิ่มขึ้นจนรู้สึกได้