รถหัวลาก ใช้ก๊าซธรรมชาติ โดย ลุงอ็อด
ความนิยมของรถบรรทุก ชนิดรถหัวลาก ติดตั้งเครื่องยนต์ที่สามารถใช้ก๊าซธรรมชาติ กำลังเพิ่มขึ้นใน แคลิฟอร์เนีย เริ่มประสบปัญหาสถานีบริการไม่เพียงพอ ทำให้ต้องรอคิวเพิ่มขึ้น เพื่อทดแทนการใช้นำ้มันดีเซลในเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ ที่ไม่เพียงลดมลภาวะในอากาศเท่านั้น แต่อีกประเด็นหนึ่งก็คือ ประหยัดเงินค่าภาษี ไปในตัว
รายงานข่าวจาก วอลสตรีทเจอร์นัล ระบุว่าผู้ประกอบการรถบรรทุกหัวลาก ที่มีจำนวนรถเป็นจำนวนมาก ระดับพันคัน ต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายด้านภาษีป้ายประจำปี ที่รถใช้ก๊าซธรรมชาติจะเสียเฉลี่ยเพียงคันละ 1,500,000 บาท/ปี ขณะที่รถบรรทุกที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล ต้องเสียเฉลี่ยคันละ 4,500,000/ปี และเมื่อคำนึงถึงราคาซื้อขายตัวรถ ในทางทฤษฎี จะประหยัดเชื้อเพลิงในการเดินทางขนส่งได้มูลค่าราว 48-51 บาท เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิง ต่อ หนึ่งแกลลอน
แม้ว่าเครื่องยนต์ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ จะได้พลังงานน้อยกว่าเครื่องยนต์ดีเซล เมื่อเทียบกันด้วยปริมาณเท่ากัน ทำให้ผู้ขับขี่รถใช้ก๊าซธรรมชาติต้องเติมเชื้อเพลิงบ่อยกว่า เมื่อเทียบปริมาณถังเชื้อเพลิงเท่ากัน และมีสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ ทั่วอเมริการาว 1,500 แห่ง ในจำนวนนี้ กว่าครึ่ง เปิดให้บริการบุคคลทั่วไป ที่เหลือ จะเป็นของกลุ่มกิจการเฉพาะ ไม่เปิดสาธารณะ หรือไม่สามารถรองรับรถใหญ่ได้
ภาครัฐ ออกระเบียบต้องการให้เกิดการประหยัดเชื้อเพลิงสำหรับรถบรรทุก หัวลาก ให้ได้ 6% ภายในปี 2017 และมาตรการแรกที่บังคับใช้สำหรับรถบรรทุกหัวลากใหม่ คือการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง กำหนดให้สิ้นเปลืองได้เพียง 7 ไมล์/แกลลอน จากเดิม 6.5 ไมล์/แกลลอน
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดี บารัค โอบาม่า ก็เตรียมประกาศข้อบังคับเพิ่มขึ้น เพื่อการประหยัดเชื้อเพลิง ระหว่างปี 2018-2025 ซึ่งประเมินว่าจะทำให้ยอดการขายเพิ่มขึ้น 20% เป็น 10,480 คัน ขณะที่จำนวนระบรรทุกหัวลาก ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล ราว 281,620 คัน เพิ่งจะมีรถที่ใช้ก๊าซธรรมชาติน้อยกว่า 4% ที่ใช้งานในปัจจุบัน