Brand: HONDA Model: City
Year: 2004 Miles: 40001-60000
From: ธีรเทพ ภ.
Honda City ปี 2004 VTec ปิจจุบันเลขไมล์ประมาณ 47000 มีอาการวิ่งกินซ้ายครับ คือ วิ่งด้วยความเร็วเกิน 40km/h หลังจากปล่อยมือจากพวงมาลัย จะเริ่มวิ่งเอียงไปทางซ้าย (นิดเดียวไม่มากครับ) ถ้าถนนมีรอยต่อเยอะ หรือวิ่งผ่านผิวถนนไม่เรียบจะเอียงไปมากกว่าหรือเร็วกว่าสภาพถนนปกติครับ ถึงจะหักเอียงมาทางขวา(เล็กน้อย) แล้วปล่อยให้คืนตรง ก็จะเลยมาทางซ้าย ครับ ในขณะที่ถ้าหักมาทางซ้าย(เล็กน้อย) แล้วปล่อยให้คืนตรง จะกลับมาไม่สุด (ยังเอียงซ้ายอยู่ไม่ตรง)
รถผมเปลี่ยนยางใหม่แล้ว วิ่งมาได้ประมาณ 25000km สลับยาง ถ่วงล้อ ตั้งศูนย์ เติมลมไนโตรเจน ก็แล้ว ก็ยังมีอาการให้เห็นอยู่ครับ สภาพยางเรียบเป็นปกติทั้ง 4 ล้อ ครับ (น้อยลงกว่าก่อนดำเนินการดังกล่าว)
อีกปัญหาหนึ่งครับ เวลาเบรค (เหยียบลึกปานกลาง) แล้วจะได้ยินเสียงกึก ๆ ที่ล้อหน้าขวาครับ เคยเปลี่ยนผ้าเบรคไปแล้ว(Bendix – Metal King) เจียรจานเบรคแล้ว ช่วงแรกก็หายไปครับ หลังจากนั้นวิ่งมาอีกประมาณ 3000 กิโลฯ ก็เริ่มกลับมาเป็นอีกครั้ง แต่ก่อนหน้าจะเป็นจนสังเกตุได้นั้น ได้นำรถเข้าล้างรถที่ร้านรับล้างรถแห่งหนึ่ง โดยวันนั้นขับกลับจากชลบุรีมากรุงเทพฯ แล้วแวะล้างรถทันที ไม่แน่ใจว่าจะทำให้จานเบรคคดรึเปล่าครับ (ก่อนเปลี่ยนผ้าเบรค+เจียรจานเบรคเคยเป็นปัญหานี้ กับล้อนี้เลยครับ)
ไม่ทราบว่าควรจะแก้ไขอย่างไรได้บ้างครับ
ขอบคุณครับ
คุณเปลี่ยนยางใหม่ ในขณะที่รถเพิ่งใช้งานมาได้แค่สองหมื่นสองพันกิโลเมตร ดูจากระยะใช้งานและรายงานการใช้ยางใหม่ของคุณที่เปลี่ยนมาได้สองหมื่นห้าพันกิโลเมตร
แสดงว่า คุณน่าจะเปลี่ยนขนาดยางไปพร้อมกันเลย เพราะดูแล้วไม่มีเหตุผลในการเปลี่ยนยางใหม่แม้แต่น้อย
ระยะก็ยังไม่ถึง ทั้งปีใช้งาน และระยะทางใช้งาน
ดังนั้น จึงเดาได้ว่า คุณต้องเปลี่ยนขนาดยาง และอาจจะเปลี่ยนกระทะล้อไปพร้อมกันเช่นกัน
นี่เป็นเหตุให้เกิดการกินซ้ายเพราะศูนย์ล้อผิดพลาดได้ หากคุณไม่ได้ปรับตั้งให้ถูกต้องเสียแต่แรก
และการปรับตั้งศูนย์ล้อนั้น ต้องปรับตั้งทั้งล้อหน้าและล้อหลังด้วย หากล้อหลังรุนไปทางใด รถก็จะกินไปทางนั้น เช่นเดียวกัน เมื่อเปลี่ยนยางให้ใหญ่ขึ้น กระทะใหญ่ขึ้น Camber ก็จะผิดพลาดไป เมื่อไม่ได้รับการปรับตั้ง ก็กินซ้ายหรือกินขวาได้ทันที
อีกทั้งการปรับตั้งนั้น ช่างที่ตั้งศูนย์ล้อไม่เป็น ก็มักจะบอกคุณว่า ต้องสไลด์รูโช้คเพื่อปรับตั้ง Camber ที่ผิดครับ
เพราะคุณจะต้องเปลี่ยนน๊อตที่เสียบเข้าไปกับตัวเพลาที่ปลายโช้ค ให้มีองศาการเอียงพอสำหรับการปรับมุม Camber และยังต้องปรับล้อหลังให้ตรงอีกด้วย
ปรับตั้งศูนย์ล้อให้ถูกต้องเสียโดยด่วนครับ
——————
เบรกนั้น เป็นเบรกที่ต้องให้ร้อนก่อน จึงจะทำงานได้ดี เพราะมีโลหะผสมอยู่มากครับ
แต่ที่คุณบ่นไปนั้น เป็นเรื่องเสียงดังกึกกึก ที่ไม่บอกไปด้วยว่า มีอาการสะท้านที่เท้าคือแป้นเบรกหรือไม่ เมื่อไม่ได้บอกไป ก็ต้องคิดว่าไม่มีเอาไว้ก่อน
ดังนั้น จานเบรกก็ไม่คด เพราะถ้าจานคดหรือเบี้ยว ก็จะเกิดความสะท้านขึ้นที่แป้นเบรกตามจังหวะเสียงและการเหยียบเบรก
การคดของจานเบรกนั้น เกิดขึ้นได้ตั้งแต่การขันน๊อตล้อแล้วละครับ ถ้าช่างใส่ยางให้แล้วขันน๊อตล้อแน่นเกินไป หรือใช้ประแจลมยิงเข้าไป โอกาสที่จานเบรกจะคดมีมากถึงมากที่สุด ต้องระวังช่างแบบนี้ครับ เขาทำเพราะเขาไม่รู้ ต้องไม่ให้เขาทำอะไรให้เลยเป็นดีที่สุด
อาการเสียงดังกึกกึกจากดุมล้อขวา ผมอยากจะคิดว่า เป็นเพราะสมอเบรกใส่แน่นเกินไป หรือหลวมเกินไป คือไม่ได้ปอนด์ เกิดการสั่นของคาลิเปอร์
หรือเกิดการสั่นของผ้าเบรกในคาลิเปอร์ คือผ้าเบรกเล็กเกินไปสำหรับคาลิเปอร์ อาจจะต้องแต้มโลหะเพิ่มให้กับผ้าเบรกเพื่อปรับให้พอดีกับช่องของคาลิเปอร์
หรือเกิดจากการไม่ได้ใส่สปริงหลังผ้าเบรก หรือไม่ได้หล่อลื่นหลังผ้าเบรก พวกนี้ต้องตรวจดูครับ จะมาฟังผมพูดอย่างเดียวไม่ได้หรอก คนไม่ได้อยู่กับรถ แล้วต้องตอบเรื่องเสียงนี่ ยากถึงยากมากที่สุดที่จะตอบได้ถูกต้อง-ธเนศร์
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…