มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ประมาณการผลการดำเนินงาน จะขาดทุนเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี หลังต้องรับภาระจ่ายค่าชดเชยอันเนื่องมาจากรายงานผลการประหยัดเชื้อเพลิงไม่ตรงความเป็นจริง รวมทั้งปลอมผลการทดสอบที่ผ่านมา
มิตซูบิชิ ประกาศผลการดำเนินงานในรอบบัญชี ซึ่งสิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 มีนาคม ว่าประสบภาวะขาดทุนเป็นเม็ดเงินราว 145 พันล้านเยน หรือราว 4.2 พันล้านบาท ขณะที่ผู้สื่อข่าวและนักวิเคราะห์ 8 คนของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ประเมินว่า มิตซูบิชิ จะขาดทุนในราว 60 พันล้านเยน เป็นผลกระทบมาจากการปกปิดอัตราการประหยัดเชื้อเพลิงในรอบปีที่ผ่านมา
ประธาน โอซามุ มาซูโกะ Osamu Masuko ตั้งเป้าที่จะกลับมาทำการผลิตรถเล็กภายในเดือนหน้า รวมทั้งเตรียมลดราคาในรุ่นที่ไม่ประสบผลสำเร็จจากการโฆษณา รวมทั้งเตรียมจัดการข้อมูลการประหยัดนำ้มันเชื้อเพลิง และผลการทดสอบที่ผิดพลาดในอดีต ที่ทำให้เสียชื่อเสียงของมิตซูบิชิ โดยแก้ไขให้ถูกต้อง ซึ่งจากเหตุดังกล่าว ทำให้ผู้บริหารระดับสูงของมิตซูบิชิ สองคน ต้องลาออก รวมทั้งค่ายนิสสัน ได้เข้ามาซื้อหุ้นเพื่อป้องกันการล้มละลายอีกด้วย
นิสสัน ใช้เงินราว 237.4 พันล้านเยน เข้ามาถือหุ้น 34% ในค่ายมิตซูบิชิ อันจะทำให้ทั้งสองค่ายสามารถใช้โครงสร้างพื้นฐานของรถร่วมกัน ในหลายรุ่น และจะทำให้การสั่งซื้อชิ้นส่วนในการทำงานร่วมกันของทั้งสองยี่ห้อ สามารถทำให้ลดราคาได้ถึง 20% การประกาศผลการดำเนินการที่ขาดทุนของมิตซูบิชิครั้งนี้ อยู่ในความคาดหมายของค่ายนิสสันอยู่แล้ว โดยจะไม่กระทบกับแผนงานของนิสสัน ในการบริหารงานค่ายมิตซูบิชิในอนาคตแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ด้านการเงิน โจเซฟ ปีเตอร์ Joseph Peter ของนิสสัน รายงานเอาไว้ในการประชุมผู้ถือหุ้น
ค่ายมิตซูบิชิ จะต้องใช้เงินราว 9 พันล้านเยน ในการชำระภาษีเพิ่มแก่ทางราชการ หลังจากรถยนต์ที่แจ้งจดทะเบียน มีอัตราการประหยัดน้ำมันที่ผิดพลาดจากเกณฑ์ที่แจ้งในการประกอบ แต่การขาดทุนครั้งนี้ จะไม่กระทบกระเทือนการดำเนินงานในอนาคตแต่อย่างใด โดย มิตซูบิชิ จะต้องเตรียมเงินราว 150 พันล้านเยน ในการชำระเพียงครั้งเดียว จากข้อผิดพลาดการแจ้งอัตราการประหยัดเชื้อเพลิง รวมทั้งเงินที่ต้องจ่ายแก่ นิสสัน 100 พันล้านเยน ชดเชยผู้ผลิตชิ้นส่วนและการระงับการประกอบในโรงงานมิซูชิม่า Mizushima ด้วย โดยอีก 50 พันล้านเยน เพื่อชดเชยแก่ผู้บริโภค ที่ซื้อรถยนต์ไปแล้วแจ้งจดทะเบียนผิดประเภท
รัฐมนตรีว่าารกระทรวงคมนาคมญี่ปุ่น เคอิชิ อิชิอิ Keiichi Ishii ระบุว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้ กระทบกระเทือนความเชื่อมั่นต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศ และค่ายมิตซูบิชิ จะต้องเผชิญกับการตรวจสอบอย่างเข้มงวดต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…