บริษัท มาสเตอร์ คาร์ เร้นเทิล จำกัด ผู้ให้บริการรถเช่าแบบครบวงจรในเครือบริษัท มาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด หรือ เอ็มจีซี ประกาศความพร้อมในการเดินหน้าบุกตลาดอาเซียน เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 โดยได้จัดงาน Drive to ASEAN Connectivity เพื่อเป็นการเปิดตัว “ซิกท์ ไทยแลนด์” อย่างเป็นทางการ
ซิกท์ เอจี ถือเป็นผู้ให้บริการรถเช่าอันดับ 1 ของประเทศเยอรมนีและทวีปยุโรปที่มีเครือข่ายการให้บริการใน 105 ประเทศทั่วโลก ผ่านโครงข่ายการให้บริการกว่า 1,800 สาขา ซึ่งซิกท์เองถือเป็นผู้นำในเรื่องของรถยนต์ที่นำมาเช่า การให้บริการ รวมไปถึงการพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ถูกนำมาพัฒนาระบบการให้บริการของซิกท์ทั่วโลก
นายรูดิเกอร์ โปรสกี้ รองประธานอาวุโสและผู้อำนวยการแฟรนไชส์ ซิกท์ เอจี ผู้ให้บริการรถเช่าอันดับ 1 ในประเทศเยอรมนีและทวีปยุโรป เปิดเผยภายว่าการร่วมมือเป็นพันธมิตรระหว่างซิกท์ เอจีและบริษัท มาสเตอร์ คาร์ เร้นเทิล บริษัทมีความมั่นใจว่าได้ทำการเลือกพันธมิตรทางธุรกิจที่ดีที่สุด ในการผลักดันให้เกิดความเข้มแข็งทางธุรกิจ ทั้งในประเทศไทยและในอาเซียน
“ผมต้องขอกล่าวแสดงความยินดีกับซิกท์ ไทยแลนด์ ในการสร้างบรรยากาศทางธุรกิจดังกล่าวขึ้นมา และเราพร้อมแล้วที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์และพัฒนาซิกท์ ไทยแลนด์ร่วมกัน เพื่อให้สามารถก้าวขึ้นเป็นบริษัทผู้ให้เช่ารถยนต์อันดับ 1 ในประเทศไทย เหมือนกับที่เราทำได้ในประเทศเยอรมนีและอีกหลายประเทศในทวีปยุโรป”
นายถิรพงศ์ คำเรืองฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสเตอร์ คาร์ เร้นเทิล จำกัด เปิดเผยว่าหลังจากการประกาศจับมือกับซิกท์แล้ว บริษัทจะแยกการบริหารงานในส่วนของรถเช่าระยะสั้นน้อยกว่า 1 ปี และบริการรถเช่าลีมูซีน มาบริหารภายใต้ซิกท์ ไทยแลนด์ ทั้งหมด ขณะที่ในส่วนของรถเช่าระยะยาวมากกว่า 1 ปีนั้น จะเป็นการบริหารงานภายใต้บริษัท มาสเตอร์ คาร์ เร้นเทิล ต่อไปเช่นเดิม
การขยายธุรกิจรถเช่าด้วยการจับมือเป็นพันธมิตรกับบริษัทชั้นนำระดับโลกในครั้งนี้ เนื่องจากบริษัทมีความมั่นใจว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั้งในประเทศไทยและระดับภูมิภาคอาเซียนจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกมาก จากการเติบโตของเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ ซึ่งอาเซียนถือเป็นภูมิภาคที่มีการเติบโตของเศรษฐกิจสูงที่สุดภูมิภาคหนึ่งของโลก และยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจไว้รองรับนักท่องเที่ยวที่หลากหลาย
ทั้งนี้ บริษัทเตรียมเร่งขยายเครือข่ายการให้บริการในประเทศเพิ่มเติมจากที่มี 14 สาขาในปัจจุบัน โดยเตรียมพร้อมที่จะขยายเพิ่มที่หาดใหญ่ อุบลราชธานี กระบี่ พระราม 3 และศรีนครินทร์ โดยวางงบประมาณในการขยายไว้ที่ 2 ล้านบาทต่อสาขา สำหรับสาขาที่มีการปรับรูปแบบเป็นซิกท์ ไทยแลนด์นั้น คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงเดือน พ.ค. ที่จะถึงนี้
“เป้าหมายของเราคือการเข้าไปขยายสาขาในสนามบินนานาชาติทั้งหมดของประเทศไทย ซึ่งในปัจจุบันที่สาขากระบี่ถือเป็นสาขาที่ 9 จากนั้นก็จะเน้นการขยายสาขาการให้บริการในเมืองมากขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าแบบครบวงจร ซึ่งการเป็นพันธมิตรกับซิกท์นั้น แน่นอนว่าความคาดหวังในส่วนของลูกค้านักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการ (อินบาวด์) น่าจะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต”
บริษัทเชื่อว่าสัดส่วนลูกค้าในอนาคตจะมีความต้องการจากกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการผ่านเครือข่ายของซิกท์มากขึ้น ซึ่งในปัจจุบัน ตลาดใหญ่ของบริษัทยังเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวในประเทศเป็นหลัก แต่เชื่อว่าสัดส่วนลูกค้าในอนาคตน่าจะมาจากตลาดอินบาวด์เพิ่มเป็น 30% นอกจากนี้ ตลาดนักท่องเที่ยวไปต่างประเทศ (เอาท์บาวด์) ก็น่าจะมีสัดส่วนใกล้เคียงกัน
ในส่วนของรายได้สำหรับกลุ่มธุรกิจรถเช่าระยะสั้นนั้น พบว่ายังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตามการขยายตัวของธุรกิจท่องเที่ยว โดยในปี 2553 บริษัทมีรายได้ราว 130 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 160 ล้านบาทในปี2554 เป็นผลจากการที่เกิดสถานการณ์น้ำท่วมในช่วงปลายปี ทำให้การท่องเที่ยวชะลอตัว อย่างไรก็ตาม เป้าหมายในปี 2555 หลังจากร่วมมือกับซิกท์ ก็คาดว่าจะเพิ่มรายได้อีกไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท
“ผลจากการจับมือเป็นพันธมิตรกับซิกท์ในครั้งนี้ จะผลักดันให้ธุรกิจรถเช่าระยะสั้นของบริษัทเติบโต 20-25% ผลักดันรายได้รวมเติบโตไม่น้อยกว่า 20% จากปัจจุบัน และเชื่อว่าสัดส่วนของลูกค้าต่างชาติจะเพิ่มเป็น 50% จากปัจจุบันที่มีอยู่ราว 15% เท่านั้น ซึ่งสัดส่วนของชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นนั้น จะมาจากทั้งกลุ่มนักท่องเที่ยวและกลุ่มนักธุรกิจที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ก็มีแนวโน้มที่จะเช่ารถกันมากขึ้น”
ขณะที่แผนการขยายธุรกิจไปต่างประเทศนั้น บริษัทฯ จะเริ่มได้ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้โดยบริษัทได้รับสิทธิ์ในการขยายในอีก 6 ประเทศในภูมิภาคอาเซียน ประกอบด้วย มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย เมียนมาร์ กัมพูชาและลาว ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาศักยภาพของแต่ละประเทศในการขยายสาขา และคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ทั้งหมดก่อนปี 2558
ทั้งนี้ แผนการขยายธุรกิจไปต่างประเทศช่วงแรกจะเน้นที่ 3 ประเทศที่มีศักยภาพการเติบโตด้านการท่องเที่ยว ที่ประเทศมาเลเซีย เวียดนาม และอินโดนีเซีย โดยบริษัทฯ มีแผนที่จะเปิดสาขาประเทศละ 1-2 แห่งตามศักยภาพของแต่ละประเทศ ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้งบประมาณในการขยายสาขาไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาทต่อสาขา จากนั้นจะเริ่มขยายสาขาให้ครบทุกประเทศตามแผนงานที่วางไว้
“สิ่งที่เราจะเดินหน้าผลักดันในอนาคตก็คือการให้บริการลูกค้าแบบครบวงจร ที่สามารถให้บริการผ่านเครือข่ายของซิกท์ ไทยแลนด์ ออกไปยังเครือข่ายการให้บริการของซิกท์ทั่วโลก ซึ่งจะอำนวยความสะดวกกับลูกค้าต่างชาติในการเดินทางเข้ามาในประเทศไทยและอาเซียน รวมไปถึงลูกค้าชาวไทยที่ต้องการเดินทางออกไปต่างประเทศเช่นเดียวกัน”
%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
premsak@caronline.net
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…