ผมได้มาสด้า 3 จากตัวแทนจำหน่ายมาลองใช้หนึ่งวัน อดไม่ได้ที่จะเขียนลงเป็นเรื่องราวให้อ่าน ความตั้งใจจริงตอนต้นคือไปลอง Miata ตัวใหม่ซื้อทาง CNET CAR TECH ( http://reviews.cnet.com/car-tech ) ชมแล้ว ชมอีกว่าดี ขับสนุก คุ้มค่า
สื่อของ CNET เกี่ยวกับรถยนต์นั้นน่าสนใจมากครับ รายละเอียดจะครอบคลุม ให้ความเป็นที่เป็นกลาง ไม่ดีเป็นไม่ดี ไม่ชอบเป็นไม่ชอบ ทั้งนี้ใช้ตัวผู้ทดสอบเป็นเกณฑ์ แนวเดียวกับ TOP Gear ( http://www.youtube.com/topgear ) ที่เราได้ดู ๆ กันใน Youtube ครับ ตัวผู้ทำรายการมีบุคคลิกที่ดึงดูดผู้ชม ทั้งอารมณ์ขันและซ่อนความรู้เทคนิคเรื่องรถยนต์อย่างครบครัน
เห็น CNET รีวิวแล้วก็ตั้งธงไว้ว่าจะต้องไปลอง Miata ให้ได้ครับ
ผมไม่ได้ใช้รถเกียร์ธรรมดามากว่าสิบปีแล้วครับ คันสุดท้ายที่ได้ใช้ก็คือ Miata คันเก่งที่ขับจาก Miami ไป New York City แล้วขับข้ามทวีปมาหยุดที่ San Francisco
ครั้งหนึ่งในชีวิตครับ มองกลับไปแล้วยังไงก็คุ้ม ภาพแต่ละรัฐที่ผ่านไม่เคยลืมไปจากความทรงจำครับ
ก็มากับ Miata คันเล็ก ๆ กับทีวีหนึ่งเครื่องคาดเข็มขัดให้มันด้วยเผื่อเบรกแรงหน้าจอจะเป็นรอยครับ
สี่วันครับที่ขับมาจากมหาสมุทรแอดแลนติกมาแปซิฟิก นั่งบิดแล้วบิดอีกครับ เห็นโฉมใหม่ Miata แล้วก็ทำให้นึกถึงคันที่เคยใช้อยู่ก็เลยหาโอกาสแวะเข้ามาลองขับดู
ให้ความรู้สึกเปลี่ยนไม่เปลี่ยนไปเลยครับหลังจากได้ลอง ความสนุก ความเพลินในการขับยังมีอยู่ครับ เพิ่มความสะดวกสบายในการเปิด ปิดหลังคาซึ่งใช้เวลาไม่ถึงสิบสองวินาทียิ่งเพิ่มความสุนทรีย์ในความเป็นรถเปิดประทุนของ Miata เข้าไปอีก
แต่เมื่อถามตัวเองว่าจะขับไปทำงานทุกวันไหม ก็เป็นเหตุเดิมที่ผมใช้ในการเปลี่ยน Miata เป็นรถคันอื่นคือใช้ทุกวันไม่เอาครับ ขับสนุกครับ แต่ไม่สะดวกสบาย
ถ้าต้องขับไปทำงานทุกวันคงไม่ไหว
ไปครั้งนี้ทางมาสด้าก็ให้ Mazda 3 มาลองขับเล่น คันที่ได้มาเป็น GT Hatchback เครื่อง 2,500cc อุปกรณ์ภายในก็ได้มาครบ รูปลักษณ์ของ 3 ใหม่คันนี้ จะเน้นความสดใสทั้งภายนอกผ่านกระจังหน้าที่แฝงรอยยิ้มและเส้นลายที่โฉบเฉี่ยว ความสูงของกันชนหน้าอยู่ในระดับที่ต่ำ สร้างความรู้สึกสปอร์ตได้ดี
น่าสนใจที่เดียวครับสำหรับเพราะในจำนวนหนึ่งร้อยคันของรถที่ Mazda ขายในท้องตลาด สี่สิบคันเป็น Mazda 3
การออกแบบภายในทำได้กลมกลืน สีสรรค์ที่สดใสของไฟหน้าปัดตัดกันอย่างกลมกลืนของน้ำเงินกับส้ม ทำให้ห้องโดยสารของมาสด้า 3 ดูแปลกตาน่าใช้อยู่ทีเดียว
มาสด้าพยายามสร้างความกลมกลืนโดยคำนึงถึงความปลอยภัยของการใช้อุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในรถโดยการจัดวางปุ่มควบคุมต่าง ๆ ไว้บนแผงพวงมาลัยซึ่งผู้ขับสามารถควบคุมการใช้การทั้งหมดได้โดยไม่ต้องละมือออกจากพวงมาลัย
การควบคุมจอ Navigation นั้นทำได้จากปุ่มบนพวงมาลัยได้เช่นกัน อีกทั้งยังสามารถทำได้จากระบบการสั่งงานด้วยเสียงซึ่งจุดนี้ผมยังไม่มีเวลาทดสอบ เพราะทางมาสด้าแจ้งว่าต้องทำการจูนให้เข้ากับลักษณ์การใช้งานของแต่ละคน ไม่น่าจะซับซ้อนขนาดนั้น แต่ผมก็ไม่ได้ติดใจอะไรเพราะคงไม่มีเวลาใช้อะไรมากสำหรับระบบ Navigation
สำหรับการใช้งานเบื้องต้นของระบบ Navigation ของ 3 ใหม่ตัวนี้ ผมไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ นอกจากความละเอียดของจอซึ่งต่ำไม่คมชัดแล้ว ขนาดของจอที่ค่อนข้างเล็กและการรับส่งการป้อนของมูลเช่นที่อยู่ ชื่อถนนเป็นไปด้วยความยากลำบาก ต้องไล่ตามตัวอักษรทีละตัว ในขณะที่หน้าจอขนาดเท่า Gameboy แต่ห่างตัวในระยะที่เอื้อมมือไม่ถึงสร้างความลำบากไม่น้อยทีเดียว นอกไปจากนี้การควบคุมนั้นส่วนใหญ่จะทำได้จากฝั่งคนขับเท่านั้น ทั้งที่ปุ่มต่าง ๆ จะเยอะมาก แต่กลับไม่มีปุ่มซึ่งสามารถให้คนนั่งช่วยป้อนข้อมูลถนนได้
การติดเครื่องก็ทำได้โดยการกดปุ่มโดยมีให้กุญแจอยู่ที่รัศมีที่รถสามารถตรวจสอบได้ไม่มีช่องเสียบกุญแจอีกแล้ว แต่มีรูที่เอาพสาสติกปิดไว้พอให้เดาว่าถ้าไม่เพิ่มอัฟชั่นตัว Keyless นี้นี่จะเป็นรูกุญแจ
เครื่องยนต์ของ GT 2.5 ของมาสด้า 3 ให้กำลังนุ่ม ๆ ออกมาแต่คงที่ดีเหลือเกิน เรียกมา ให้ไป ตอบสนองได้ทันใจดีทีเดียว เสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์เมื่อเรียกกำลังมาใช้ถูกกรองจากอุปกรณ์ดูดซับเสียงเข้ามาให้ห้องโดยสารอย่างนุ่มนวลตรงกันข้ามกับความจัดจ้านของกำลัง 167 แรงม้าซึ่งกระชากตัวรถออกไปอย่างมีกำลังวังชา
วิศกรมาสด้าพัฒนาเรื่องการลดระดับเสียงในห้องโดยสารได้อย่างน่าทึ่งทีเดียว
การทรงตัว ผมต้องบอกได้คำเดียวว่าในรถญี่ปุ่นระดับเดียวกัน มาสด้ายังครองความเป็นที่หนึ่งทั้งความนิ่งให้ความรู้สึกมั่นคงที่ผู้ขับสร้างสามารถสัมผัสได้จากการตอบสนองที่มั่นคงของพวงมาลัยของโค้งหนึ่งสู่อีกโค้งหนึ่ง
การเบรกทำได้อย่างประทับใจ เรียกได้ว่าระบบเบรกได้สร้างความเชื่อมั่นว่าจะเอาความฉุนเฉียวเครื่องยนต์และคนขับอยู่
ไม่มีความรู้สึกกระชากใด ๆ จากระบบเกียร์ทั้งเมื่อหยุดและออกตัว นุ่มและนิ่ง และยิ่งหากจะกระชากกำลังออกมาใช้การเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติมาเป็นระบบธรรมดา ก็เรียกได้ว่ากำลังมีให้ใช้เหลือเฟือ ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องแลกกับความนุ่มนวลที่ส่งผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติที่มาสด้าให้มา
สำหรับเครื่องยนต์ 2.0 อัตราการสิ้นเปลืองจะตกอยู่ที่ 13-14 กิโลเมตรต่อลิตรสำหรับการใช้นอกเมืองและ 10-11 กิโลเมตรต่อลิตรสำหรับในเมืองและ 11-12 กิโลเมตรต่อลิตรสำหรับการใช้นอกเมืองและ 8-9 กิโลเมตรต่อลิตรสำหรับในเมืองตาม Honda อยู่นิด ๆ กับเรื่องความประหยัด
สำหรับรุ่น 2.5 อุปกรณ์เสริมทุกอย่างครบที่ผมได้ลองราคาในแคนาดาเป็นเงินบาทจะตกอยู่ที่ 900,000 -1,000,000 และราคาเริ่มต้นสำหรับมาสด้า 3 จะอยู่ประมาณ 600,000 บาทผมลองขับมาสด้ 3 คันนี้จากใน Richmond ในแคนาดานั้นเป็นเมืองที่มีคนเอเซียอาศัยอยู่เป็นส่วนใหญ่ ลักษณะภูมิประเทศจะเป็นที่ราบและเข้าสู่ชานเมือง Vancouver ซึ่งจะเป็นเนินเขาสูงใหญ่สลับผลัดเปลี่ยนกันไป ถนนถูกออกแบบเป็นตารางอย่างเป็นระเบียบ มาสด้า 3 หยุดอย่างมั่นคงทุกแยก ทั้งการเปลี่ยนเลนที่คล่องตัวในเมือง แต่อัตราเร่งที่ฉับไวเมื่อถูกใช้เมื่อขึ้น Freeway ทำให้มาสด้า 3 เป็นอันดับต้น ๆ ที่น่าจับตามองว่าความสนุกให้การขับขี่ที่มาสด้าพยายามเน้นย้ำให้กับคำว่า Zoom-Zoom อนาคตจะเป็นอย่างไร
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…