บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ลงนามแสดงเจตจำนงอย่างชัดเจนในความร่วมมือกับกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศสำหรับประเทศไทยและทั่วโลก ด้วยการเตรียมพัฒนารถยนต์ในอนาคตที่เพิ่มประสิทธิภาพสูงขึ้น และสามารถปล่อยไอเสียให้เป็นไปตามมาตรฐาน EURO 5 โดยเฉพาะการร่วมมือกันแก้ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กและปัญหาสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยอย่างยั่งยืน
โดยนายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เนื่องจากในปัจจุบันประเทศไทยยังคงได้รับผลจากฝุ่นละอองที่ปกคลุมพื้นที่กรุงเทพมหานคร และในอีกหลายๆ จังหวัด จนส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจและการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชนโดยรวม ถึงเวลาแล้วที่ทุกภาคส่วนต้องหันกลับมามองที่ต้นเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้น และแสวงหาวิถีทางในการลดปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างยั่งยืนในระยะยาว ทั้งนี้เพื่อสร้างความชัดเจนในการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว วันนี้ทางมาสด้าได้แสดงเจตจำนงความร่วมมือในการพัฒนารถยนต์ในอนาคต เพื่อให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นเป้าหมายเดียวกันกับมาสด้าที่ได้กำหนดวิสัยทัศน์ในระยะยาว “Sustainable Zoom-Zoom 2030” ซึ่งมาสด้ามุ่งมั่นที่จะนำสิ่งนี้มาประยุกต์ให้เข้ากับรถยนต์ในเจนเนอเรชั่นใหม่ โดยเป้าหมายหลักในปี 2030 ประกอบด้วย
1.เพื่อโลกที่สวยงาม (Earth) ด้วยการริเริ่มด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับมวลมนุษยชาติ เพื่อให้รถยนต์และมนุษย์สามารถอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน สมบูรณ์แบบ และยังคงความสวยงามตลอดไป
2.เพื่อสังคม (Society) มาสด้ามุ่งเน้นและส่งเสริมให้เกิดความปลอดภัย และการสร้างความสุขให้เกิดขึ้นในสังคม ผ่านการพัฒนายานยนต์ และระบบการจัดการที่สร้างความอุ่นใจ และเสริมสร้างคุณภาพชีวิตของลูกค้า
3.เพื่อผู้คน (People) มาสด้ามุ่งมั่นที่จะสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า เสริมสร้างความสุขกายสบายใจ ด้วยการมีส่วนร่วมในการปกป้องรักษาโลกใบนี้ และการมีส่วนร่วมในสังคม ด้วยการรังสรรค์รถยนต์ที่สามารถส่งมอบความสุขในการขับขี่อย่างแท้จริง
ด้วยวิสัยทัศน์ในระยาวดังกล่าว มาสด้าจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่ชั้นบรรยากาศ จากแนวทางการพัฒนา Well-to-Wheel การลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากรถยนต์ โดยคำนึงถึงการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตลอดวงจรชีวิตของรถยนต์ โดยมาสด้าตั้งเป้าในการลดการปล่อยมลพิษลดลงให้ได้ 50% ภายในปี 2573 และตั้งเป้าหมายลดลงให้ได้ถึง 90% ภายในปี พ.ศ. 2593 แม้ว่ารถยนต์ในอนาคตจะยังคงใช้พลังงานทางเลือกที่สะอาด และปล่อยมลพิษต่ำก็ตาม แต่มาสด้าจะยังคงรักษาไว้ซึ่งปรัชญาการขับขี่ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ และจะไม่ละทิ้งความสนุกสนานในการขับขี่อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ แนวทางการพัฒนาของมาสด้าในอนาคต คือ การให้ความสำคัญกับขนาดของรถยนต์ Technology Hybridเทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้า Electrification เทคโนโลยีการเชื่อมต่อการสื่อสาร Connectivity และสิ่งที่สำคัญมากที่สุด คือ การพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปภายในให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ทางสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมได้จัดประชุม เรื่องการเร่งรัดยกระดับมาตรฐานมลพิษรถยนต์เป็นมาตรฐาน EURO 5 เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตฝุ่นละอองขนาดเล็ก โดยผู้ผลิตรถยนต์ภายในประเทศไทยต่างให้การตอบรับเข้าร่วมการยกระดับมาตรฐานในครั้งนี้ เพื่อลดสารมลพิษจากเครื่องยนต์ในรถยนต์ใหม่ทุกรุ่นทุกคันภายในปี 2564 ร่วมกันบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กและปัญหาสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยในอนาคต
ปัจจุบันรถยนต์ที่จำหน่ายในประเทศไทยผ่านมาตรฐาน EURO 4 จากความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้ทัดเทียมกับนานาชาติ ซึ่งได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจาก ดร. สมชาย หาญหิรัญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นั่งหัวโต๊ะเป็นประธานการประชุม พร้อมด้วยการรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดงานโดย ดร. ณัฐพล รังสิตพล ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม และแนวทางการกำหนดมาตรฐานการระบายมลพิษทางอากาศเป็น EURO 5 โดย นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พร้อมด้วยผู้บริหารจากค่ายรถยนต์ต่างๆ ให้ความสนใจเข้าร่วมลงนามในครั้งนี้รวมทั้ง นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย