การประกาศย้ายการผลิตหนนี้ ทำให้ผลิตภัณฑ์ของฟอร์ด ในอเมริกา ที่เคยเป็นตัวทำตลาดอย่างรถซีดาน หรือแฮทช์แบ็ค รุ่น โฟกัส และยอดการขายเริ่มตกต่ำลง ต้องมีการเปลี่ยนแปลงแผนงานครั้งใหญ่
โดยเริ่มตั้งแต่ในปีหน้า ฟอร์ด จะใช้เวลาราวหนึ่งปี เพื่อผลิตรุ่น โฟกัส เพียงรุ่นเดียวสำหรับตลาดอเมริกาเหนือ และจะหยุดสายการผลิตในโรงงาน มิชิแกน ราวกลางปี 2561 ส่วนโรงงานแห่งใหม่ที่ประเทศจีน น่าจะสามารถเริ่มการผลิตได้ราวปลายปี 2562
“เราพยายามจะไม่ให้ผลิตภัณฑ์ของเราขาดช่วงในการจำหน่าย” ประธานฟอร์ด โจ ฮินริช Joe Hinrichs กล่าวกับ ออโตโมทีฟ นิวส์ “เราน่าจะสามารถทำได้ด้วยการเพิ่มจำนวนสต็อครถ รวมทั้งการเพิ่มรุ่นครอสโอเวอร์ อีโค่สปอร์ต EcoSport ที่ทำให้มีผลิตภัณฑ์ในระดับราคาเดียวกันในตลาด”
นับจนถึงวันที่ 1 มิถุนายน ฟอร์ด มีสต็อครถ โฟกัส 37,400 คัน สำหรับการป้อนให้ผู้จำหน่ายได้ 54 วัน แต่จากยอดการขายที่ลดลงมาก โดยใน 5 เดือนแรกของปีนี้ ตกต่ำถึง 20% ขายได้เพียง 67,146 คัน
นักวิเคราะห์กล่าวว่า การตัดสินใจครั้งนี้ มาจากเรื่องสถานการณ์ทางการเงินล้วนๆ ที่จะทำให้ฟอร์ด สามารถลดค่าใช้จ่ายในการผลิตรถน้อยลง รวมทั้งเริ่มไม่เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคด้วย
ขณะเดียวกัน ฟอร์ด ทำการผลิตรุ่น โฟกัส สำหรับตลาดประเทศจีน ในโรงงานหุ้นส่วน ฉางอาน ฟอร์ด Changan Ford 2 แห่ง ในเมือง ชองกิง Chongqing รวมทั้งในเยอรมัน และจะเพิ่มรถรุ่นรถแรง เอสที และ อาร์เอส ประกอบจากโรงงานทั้งสองแห่งด้วย
แม้ว่าการประกอบรถจากเม็กซิโก และส่งรถเข้าอเมริกา จะมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการถูกกว่าการประกอบที่จีน แต่ก็เป็นการตัดสินใจที่จะลดค่าใช้จ่ายด้านโรงงาน เพราะจำเป็นต้องปรับปรุงเครื่องมือสายการผลิตใหม่ทั้งหมด ซึ่งการปรับปรุงเพียงโรงงานในจีน แห่งเดียว ค่าใช้จ่ายถูกกว่าการปรับปรุงทั้ง 2 แห่ง เพื่อการประกอบรถรุ่นใหม่ และเมื่อรวมกับการยกเลิกก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ในเม็กซิโกแล้ว ฟอร์ด น่าจะประหยัดเงินได้ราว 1,000 ล้านเหรียญ ราว 30,000 ล้านบาท
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…