รายงานข่าวจากสหรัฐอเมริกา ระบุว่า มีรายงานว่า ฟอร์ด อินเดีย ทำการติดต่อค่ายผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ อาทิ ทาทา มอเตอร์ Tata Motors, ฉางอาน ออโตโมบิล Changan Automobiles, กลุ่ม สโกด้า-โฟล์คสวาเก่น Skoda-Volkswagen Group, เซี่ยงไฮ้ ออโตโมทีฟ หรือ เอ็มจี มอเตอร์ Shanghai Automotive or MG Motor, ฮุนได มอเตอร์ Hyundai Motor และแม้แต่ผู้ผลิตรายใหม่ๆ ที่กำลังพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า อย่าง โอลา อีเล็คตริค Ola Electric เพื่อหาวิธีการในการรับจ้างผลิต หรือการเป็นหุ้นส่วน หรือแม้แต่ ขาย โรงงานทั้งหมด
การเจรจานี้ เพื่อหาวิธีการที่จะทำให้ถึงเป้าหมายกลางปี ที่จะทำรายได้ก่อนหักค่าใช้จ่าย ให้ได้ 8% ภายในปี 2566 ซึ่ง ซีอีโอ จิม ฟาร์เล่ย์ Jim Farley ประกาศเป็นแผนงานระดับโลกไว้
ทั้งนี้ก็เพราะสภาพตลาดโดยรวม ที่ยอดการส่งออกก็ลดลง และการบริหารงานในอินเดียก็ไม่ประสบความสำเร็จ อันเนื่องจากมีแต่ผลิตภัณฑ์ที่ล้าสมัยทำให้ผู้บริโภคไม่ให้ความสนใจ ซึ่งจะทำให้ ฟอร์ด ต้องปิดโรงงาน หรือขายโรงงานแห่งใดแห่งหนึ่ง ใน 2 แห่ง ในอินเดีย
และหากไม่ประสบความสำเร็จในการเจรจา ฟอร์ด อาจปิดสายการผลิตของโรงงานทั้งสองแห่ง และปรับให้เป็นสายการผลิตรถเฉพาะอย่าง niche operation โดยประกอบในแบบชิ้นส่วน ซีเคดี CKD (completely knocked down) ของรถยนต์ระดับหรู ราคาแพง อย่าง เรนเจอร์ Ranger, เอ็นดูเวอร์ Endeavour, และ มัสแตง ลินคอน Mustang Lincoln รวมทั้งอาจเตรียมสำหรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ด้วยเช่นกัน
แหล่งข่าวระบุว่า การตัดสินใจเรื่องโรงงานในอินเดีย นี้ จะต้องกระทำภายในเวลาค่อนข้างจำกัด โดยโฆษกของ ฟอร์ด ระบุว่า ตลาดในอินเดีย มีความสำคัญสำหรับ ฟอร์ด ด้วยจำนวนพนักงานมากกว่า 16,000 คน และเป็นแหล่งผลิตเครื่องยนต์ป้อนสำหรับการผลิต เรนเจอร์ และคาดหมายว่า จะสามารถจัดสรรงบประมาณมาดำเนินการ ภายในครึ่งหลังของปีนี้
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…