ฟอร์ดตอกย้ำความเป็นผู้นำในการคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่สร้างขึ้นเพื่อความปลอดภัยและความอุ่นใจของผู้บริโภคกว่าล้านคนทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นระบบความปลอดภัยที่ปกป้องผู้ขับขี่ตั้งแต่ก่อนอุบัติเหตุจะเกิดขึ้น หรือเพื่อช่วยบรรเทาเมื่ออุบัติเหตุเกิดขึ้นแล้ว
ด้วยเหตุนี้ ฟอร์ด ประเทศไทย จึงจัดงาน “Caring for Tomorrow – ความปลอดภัยเพื่อคนที่คุณรัก” นิทรรศการที่รวบรวมเอาเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยของฟอร์ด ที่ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นบนท้องถนน ช่วยผู้ขับขี่ภายใต้สถานการณ์คับขัน และที่สำคัญในราคาคุณเป็นเจ้าของได้ เทคโนโลยีต่างๆที่นำมาแสดงในงานนี้มีทั้งเทคโนโลยีที่มีอยู่แล้วในปัจจุบันรวมทั้งเทคโนโลยีในอนาคตอีกด้วย
“ฟอร์ดได้รับการยอมรับว่าเป็นบริษัทที่ผลิตรถยนต์ที่มีความปลอดภัยสูง เป็นที่ไว้วางใจของผู้บริโภคทั้งในประเทศไทย และในระดับโลก อย่างไรก็ตามผู้ขับขี่ส่วนใหญ่ อาจยังไม่คุ้นเคยหรือไม่เข้าใจอย่างชัดเจนถึงระบบการทำงานของนวัตกรรมด้านความปลอดภัยที่หลากหลายเหล่านี้ รวมถึงไม่ทราบถึงประโยชน์ที่พวกเขาจะได้รับ” นางสาวยุคนธร วิเศษโกสิน กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าว
“งาน ‘Caring for Tomorrow ความปลอดภัยเพื่อคนที่คุณรัก’ ที่จัดขึ้นในวันนี้ จะช่วยอธิบายและให้ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีความปลอดภัยของฟอร์ด โดยเราหวังว่าผู้เข้าชมงานสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปใช้และร่วมกันสร้างพฤติกรรมการขับขี่ที่ปลอดภัย เพื่อท้องถนนที่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้นในอนาคต” นางสาวยุคนธร กล่าวเสริม
สัมผัสประสบการณ์เทคโนโลยีอัจฉริยะและปลอดภัย
ในงาน “Caring for Tomorrow ความปลอดภัยเพื่อคนที่คุณรัก” นี้ ฟอร์ด ได้จัดแสดงเทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อความปลอดภัยอันหลากหลายของฟอร์ด ที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่ขับรถได้ดีขึ้น และสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้องเมื่ออยู่ในสถานการณ์ต่างๆบนท้องถนน เพื่อความปลอดภัยของคุณและคนที่คุณรัก
ผู้เข้าชมงาน จะได้เรียนรู้ถึง ระบบครูสคอนโทลแบบปรับความเร็วอัตโนมัติ (Adaptive cruise control) ซึ่งทำหน้าที่ปรับความเร็วของรถแบบอัตโนมัติเพื่อให้มีระยะห่างที่ปลอดภัย และเทคโนโลยีการเชื่อมต่อฟอร์ด ซิงค์(SYNC®) ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือผ่านทางซิงค์และสามารถควบคุมวิทยุ ด้วยการใช้คำสั่งเสียงโดยไม่ต้องปล่อยมือจากพวงมาลัย
ท่านที่เป็นคุณพ่อคุณแม่ จะได้สัมผัสกับ มาย คีย์ (MyKey™) นวัตกรรมแรกในอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ช่วยให้ผู้ปกครองสามารถตั้งค่าเพื่อควบคุมความเร็วสูงสุดของรถ ควบคุมความดังสูงสุดของเครื่องเสียง ไปจนถึงตัดการทำงานของวิทยุจนกว่าผู้ขับขี่จะคาดเข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อยก่อน รวมถึงป้องกันไม่ให้ผู้ขับขี่สามารถปิดระบบการช่วยเหลือและเทคโนโลยีความปลอดภัยต่างๆบนรถได้ เทคโนโลยี มาย คีย์ (MyKey™) ไม่เพียงช่วยให้ความอุ่นใจแก่ผู้ปกครอง แต่ยังช่วยให้ผู้ขับขี่วัยรุ่นมีความรับผิดชอบและพฤติกรรมการขับขี่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
นอกจากการชมงานแล้ว ผู้เข้าชมจะได้ขับและทดลองใช้งาน ระบบช่วยเบรกที่ความเร็วต่ำ (Active City Stop) ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยลดและหลีกเลี่ยงโอกาสในการชนที่อาจเกิดขึ้น ขณะที่รถเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ ทันทีที่เซ็นเซอร์ตรวจพบว่ารถคันข้างหน้าเบรกกระทันหัน ระบบจะทำการเบรกเองโดยอัตโนมัติ รวมถึงได้ทดลองใช้ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ (Active Park Assist) มาสัมผัสความตื่นเต้นในการจอดรถโดยไม่ต้องใช้มือบังคับพวงมาลัย ระบบนี้จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถจอดรถเข้าทางขนานได้ง่ายๆ ลความยุ่งยากและความกดดันในการที่จอดรถได้มากทีเดียว
ผู้เข้าชมงานยังมีโอกาสสัมผัสกับอุปกรณ์ที่วิศวกรฟอร์ดใช้ในการศึกษาความต้องการและข้อจำกัดทางกายภายของผู้ขับขี่แต่ละช่วงวัย เช่น ชุดจำลองการตั้งครรภ์ (Emphathy Belly – Pregnancy Suit) ชุดจำลองผู้สูงอายุ (Third-Age Suit) และชุดจำลองเมาแล้วขับ (Drink Driving Suit) เพื่อนำมาใช้ในการออกแบบและพัฒนารถ เพื่อให้ได้รถที่เหมาะสมกับผู้ขับขี่ทุกกลุ่ม ทุกช่วงอายุ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่ที่สุขภาพดี สตรีมีครรภ์ เด็กๆ หรือแม้กระทั่งผู้สูงอายุ รวมถึงเข้าใจถึงประสิทธิภาพการขับขี่ที่ลดลงของผู้ขับขี่ที่มีอาการมึนเมา
ในช่วงสุดท้ายของการเข้าชมงาน ผู้เข้าชมจะได้รับเชิญให้เข้าร่วมลงนามให้คำสัญญาว่าจะขับขี่อย่างปลอดภัย เพื่อร่วมรับผิดชอบและส่งเสริมความปลอดภัยโดยรวมบนท้องถนน
“รถยนต์ที่มีระบบความปลอดภัย เป็นเพียงตัวช่วยเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนน แต่ที่สำคัญที่สุด คือพฤติกรรมการขับขี่ของทุกคน” นางสาวยุคนธร กล่าวเพิ่มเติม “นอกจากการลงนามให้คำสัญญาว่าจะขับขี่อย่างปลอดภัยในวันนี้แล้ว ฟอร์ดยังคงมีกิจกรรมเพื่อสร้างสังคมที่ปลอดภัยอย่างต่อเนื่องอื่นๆ ได้แก่โครงการ “Driving Skills for Life – ฉลาดขับ ประหยัด ปลอดภัย” ที่ฟอร์ดจัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างท้องถนนที่ปลอดภัยสำหรับคนไทยทุกคน”
เทคโนโลยีด้านความปลอดภัยในอนาคต
“วิศวกรของฟอร์ดร่วมกันคิดค้นเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยที่จะใช้ได้ในอีก 10 หรือ15 หรือ 20 ปี ข้างหน้า ก่อนที่ผู้บริโภคจะรู้ว่าพวกเขาต้องการเทคโนโลยีเหล่านี้เพื่อช่วยเหลือในการขับขี่” ศาสตราจารย์ ด็อกเตอร์ พิม แวน เดอร์ จากท์ กรรมการผู้จัดการศูนย์วิจัยฟอร์ดในทวีปยุโรป และหัวหน้าทีมบริหารงานฝ่ายเทคนิคด้านพลวัตยานยนต์ ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ และระบบรักษาความปลอดภัยก่อนเกิดเหตุของรถยนต์ระดับโลก กล่าว
“เรากำลังพัฒนาเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยและอัจฉริยะสำหรับอนาคต และนำเสนอในรถฟอร์ดในราคาที่ผู้บริโภคจับต้องได้ ฟอร์ดไม่ได้เพียงแค่ผลิตรถยนต์ที่อัจฉริยะมากขึ้นและปลอดภัยมากขึ้น แต่เรากำลังสร้างสรรค์อนาคตที่ดีขึ้น”
หนึ่งในนวัตกรรมที่ฟอร์ดกำลังพยายามพัฒนาให้เป็นจริง คือ เทคโนโลยีการสื่อสารระหว่างพาหนะ หรือ วีทูวี (V2V – vehicle-to-vehicle communications) และเทคโนโลยีการสื่อสารระหว่างยานพาหนะกับระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน หรือ วีทูไอ (V2I – vehicle-to-infrastructure communications)
“ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ เราจะได้เห็นการให้บริการผ่านเทคโนโลยีการสื่อสารระหว่างพาหนะ หรือ วีทูวี มากขึ้น ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะช่วยให้รถ 2 คันสามารถส่งสัญญาณสื่อสารสภาพการจราจรถึงแม้จะมองไม่เห็นกันก็ตาม” ศาสตราจารย์ ด็อกเตอร์ พิม แวน เดอร์ จากท์ กล่าว “ในระยะยาว เราหวังว่าจะมีการใช้เทคโนโลยี การสื่อสารระหว่างยานพาหนะกับระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน หรือ วีทูไอ ที่รถจะสามารถสื่อสารกับโครงสร้างพื้นฐานโดยรอบรวมถึงระบบการจัดการจราจร เพื่อช่วยสร้างถนนที่ปลอดภัย ลดภาวะรถติด ลดการปล่อยมลพิษ และประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น”
“ฟอร์ด มอเตอร์คัมปะนี เป็นบริษัทที่มีประวัติความเป็นมาอันยาวนานในฐานะผู้บุกเบิกเทคโนโลยี เราเพิ่งครบรอบ 111 ปี ในเดือนมิถุนายนนี้ นับตั้งแต่แนะนำการผลิตรถยนต์บนสายการผลิต จนถึงปัจจุบัน เราสามารถนำเสนอเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและสะดวกสบายมาสู่ผู้บริโภค และเราจะยังคงมุ่งมั่นศึกษา และพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่อย่างต่อเนื่อง ในอนาคตที่ดียิ่งขึ้นของอุตสาหกรรมยานยนต์” นางสาวยุคนธร กล่าว
# # #
premsak@cronline.net
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…