ฟอร์ดในงาน เจนีวา มอเตอร์โชว์ 2010 By:Thunyaluk Seniwongs


ฟอร์ด โฟกัสใหม่ เปิดตัวในทวีปยุโรปครั้งแรกในงานมหกรรมยานยนต์ เจนีวา มอเตอร์โชว์ 2010 ในวันที่ 2 มีนาคม เพียงไม่กี่สัปดาห์หลังการเปิดตัวครั้งแรกของโลกในมหกรรมยานยนต์ ดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา นับเป็นครั้งแรกที่ลูกค้าชาวยุโรปจะได้พบกับรถยนต์คันแรกที่ได้รับการพัฒนาจากโครงสร้างตัวถังรถยนต์นั่งขนาดกลางระดับโลกใหม่ของฟอร์ด

ควบคู่กับการเปิดตัวโฟโกัสใหม่ ฟอร์ดยังจัดแสดงรถฟอร์ด ซี-แมกซ์ และแกรนด์ ซี-แมกซ์ใหม่ ที่กำลังเดินหน้าสู่สายการผลิต หลังจากรถทั้งสองรุ่นได้รับการเผยโฉมครั้งแรกในนครแฟรงก์เฟิร์ตเมื่อปีที่ผ่านมา รวมทั้งยังเพิ่มเติมเทคโนโลยีทันสมัยมากมายในฟอร์ด คูก้า และมอนเดโอ นอกจากนี้ ฟอร์ดยังเพิ่มอุปกรณ์เสริมใหม่ๆ ในรถรุ่นเอส-แมกซ์ และแกเลคซี่ใหม่ อีกด้วย


ตระกูลฟอร์ด ซี-แมกซ์ใหม่
ฟอร์ด ซี-แมกซ์ และแกรนด์ ซี-แมกซ์ใหม่ ที่จะวางจำหน่ายภายในปีนี้ เป็นรถที่สร้างความโดดเด่นอย่างมากให้แก่บูธฟอร์ดภายในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ จากการนำเสนอมาตรฐานใหม่แห่งความมีสไตล์และรูปโฉมที่ชวนหลงใหลให้แก่ตลาดรถอเนกประสงค์ขนาดกลาง (Multi-Activity Vehicle – MAV)

ปัจจุบัน ลูกค้ารถเอ็มเอวีขนาดกลางของฟอร์ดสามารถเลือกตัวถังที่ตอบสนองการใช้งานได้ถึงรูป 2 แบบ คือ ซี-แมกซ์ใหม่แบบ 5 ที่นั่ง และแกรนด์ ซี-แมกซ์ใหม่ ที่มอบความแตกต่างด้วยห้องโดยสารแบบ 7 ที่นั่ง พร้อมประตูแบบบานเลื่อนทั้ง 2 ด้าน ด้วยการออกแบบที่นั่งอย่างทันสมัย เพิ่มพื้นที่ใช้สอย และความยืดหยุ่นในการใช้งาน และเป็นครั้งแรกที่ฟอร์ดเผยโฉมให้เห็นภายในห้องโดยสารของซี-แมกซ์แบบ 5 ที่นั่ง


ซี-แมกซ์ โดดเด่นด้วยแนวหลังคาที่ลาดลงไปยังด้านหลังในลักษณะเดียวกับรถแบบคูเป้ แต่ไม่ลดทอนความสะดวกสบายและประสิทธิภาพการใช้งาน ขณะที่รุ่น 7 ที่นั่งมาพร้อมแนวหลังคาที่สูงกว่าและเสากลางที่ใช้เส้นสายที่บางกว่า เน้นย้ำความกว้างขวางของพื้นที่ใช้สอยและทัศนวิสัยดีเยี่ยมของผู้โดยสาร

พื้นที่ภายในห้องโดยสารแบบค็อกพิตของนักบินของซี-แมกซ์ใหม่ ใช้เทคโนโลยี (Human Machine Interface – HMI) จัดวาวปุ่มอุปกรณ์ต่างๆเพื่อการใช้งานที่สะดวกสบาย มีส่วนประกอบหลัก คือ ปุ่มควบคุมแบบ 5 ทิศทาง 2 ชุดบนพวงมาลัย ทำหน้าที่ควบคุมหน้าจอแสดงผลหลัก 2 แห่งคือ บนแผงหน้าปัด และบริเวณด้านบนของคอนโซลกลาง ที่ใช้งานง่ายและสะดวก ช่วยให้ผู้ขับควบคุมอุปกรณ์หลักๆ ภายในรถได้โดยไม่ต้องละมือออกจากพวงมาลัย และไม่รบกวนต่อการขับขี่

เครื่องยนต์ที่ให้ความประหยัดน้ำมัน และปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้อยู่ในระดับต่ำของรถในตระกูลซี-แมกซ์ ประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน อีโคบู๊สต์ใหม่ ขนาด 1.6 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซล ดูราทอร์ค ทีดีซีไอ ขนาด 1.6 และ 2.0 ลิตร ที่ได้รับการพัฒนาด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย

“การเปิดตัวรถตระกูลซี-แมกซ์ใหม่ นับว่ามีความสำคัญอย่างมาก และยังเป็นการแสดงให้ลูกค้าฟอร์ดทั่วโลก
ได้เห็นถึงสุดยอดงานออกแบบของรถยนต์ขนาดกลางระดับโลกรุ่นใหม่ๆ ที่จะเปิดตัวเพิ่มขึ้นในอนาคต” จอห์น เฟลมมิ่ง ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฟอร์ด ยุโรป กล่าว “ซี-แมกซ์ใหม่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
อีกไม่นานเราก็จะได้เห็นโฟกัสใหม่ เราตั้งตาคอยที่จะนำเสนอสิ่งที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้นไปอีกในอนาคตอันใกล้นี้”


เครื่องยนต์ใหม่ของฟอร์ด คูก้า เสริมความเป็นผู้นำกลุ่มครอสโอเวอร์
ฟอร์ด คูก้า รถในกลุ่มครอสโอเวอร์ที่ได้รับการออกแบบอย่างทันสมัย ยกระดับความเป็นผู้นำในกลุ่มรถยนต์ประเภทเดียวกันด้วยตัวเลือกเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังที่ได้รับการออกแบบให้ช่วยกระตุ้นประสิทธิภาพการขับขี่ เพิ่มความประหยัดน้ำมัน และลดประมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้อยู่ในระดับต่ำ

คูก้ามาพร้อมตัวเลือกเครื่องยนต์ดีเซล ดูราทอร์ค ทีดีซีไอ 2.0 ลิตรเปี่ยมประสิทธิภาพ ให้พละกำลังมากถึง 163 แรงม้า และปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 159 กรัมต่อกิโลเมตร ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ All-Wheel Drive (AWD) ด้วยเกียร์ธรรมดา นับเป็นการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ลดลงถึง 6 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์รุ่นก่อนหน้าที่ให้พละกำลัง 136 แรงม้า นอกจากนี้ คูก้ายังเพิ่มรุ่นเกียร์อัตโนมัติพาวเวอร์ชิฟท์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีทันสมัย มอบประสิทธิภาพในการขับขี่สูงสุดให้แก่เครื่องยนต์ดีเซลรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ด้วยพละกำลังมากถึง 140 และ 163 แรงม้า ทั้งยังปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในระดับต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกันที่ 179 กรัมต่อกิโลเมตร

ด้วยพละกำลังสูงสุดที่เพิ่มขึ้นถึง 20 เปอร์เซ็นต์ เครื่องยนต์ 163 แรงม้าใหม่ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ให้แก่คูก้า ส่งผลให้ความเร็วสูงสุดของรถเพิ่มขึ้นจาก 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมงมาอยู่ที่ 194 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และลดช่วงเวลาที่ใช้ในการเร่งจาก 0-99 กิโลเมตรต่อชั่วโมงจาก 10.7 วินาที ให้เหลือเพียง 9.6 วินาที รวมทั้งยังมีอัตรการปล่อยของเสียอยู่ในระดับต่ำหรือระดับ 5 ตามมาตรฐานการปล่อยของเสียใหม่ของสหภาพยุโรป


มอนเดโอมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน อีโคบู๊สต์ใหม่ และเครื่องยนต์ดีเซลที่พัฒนาขึ้นอีกขั้น
ปัจจุบันรถยนต์หรู ฟอร์ด มอนเดโอ มีอัตราการประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้น ปล่อยของเสียน้อยลง และยังมีประสิทธิภาพในการขับขี่ที่ดีเยี่ยมยิ่งขึ้น อันเป็นผลจากเครื่องยนต์เบนซินแบบหัวฉีดอีโคบู๊สต์ใหม่จากฟอร์ด และเครื่องยนต์ดีเซล ดูราทอร์ค ทีดีซีไอ ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นอีกระดับ เครื่องยนต์ทั้งสองรุ่นนี้ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางมาแล้วจากการใช้งานในรถฟอร์ด เอส-แมกซ์ และแกเแล็กซี่ใหม่ ที่จัดแสดงภายในงานเจนีวามอเตอร์โชว์ด้วยเช่นกัน

มอนเดโอมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน อีโคบู๊สต์ เอสซีทีไอใหม่ขนาด 2.0 ลิตรพร้อมเทอร์โบชาร์ตประสิทธิภาพสูง และเครื่องยนต์ดีเซล ดูราทอร์ค ทีดีซีไอขนาด 2.0 ลิตร ทั้งยังมีมาตรฐานในการปล่อยของเสียดีขึ้นอยู่ในระดับ 5 มอบพละกำลังที่ 115 แรงม้า และ 140 แรงม้า พร้อมเพิ่มรุ่นใหม่ที่ให้กำลังสูงถึง 163 แรงม้า

นอกจากนี้ ระบบเกียร์อัตโนมัติพาวเวอร์ชิฟท์ 6 สปีด ดูอัลคลัชต์ ที่มอบความสะดวกสบายในการขับขี่ยังได้รับการติดตั้งให้เป็นอุปกรณ์พื้นฐานสำหรับมอนเดโอรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน อีโคบู๊สต์ ขนาด 2.0 ลิตร และเป็นตัวเลือกในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล ดูราทอร์ค ทีดีซีไอ รุ่น 140 แรงม้า และ 163 แรงม้า

เครื่องยนต์ดูราทอร์ค ทีดีซีไอ ขนาด 2.0 ลิตรที่ให้พละกำลังถึง 163 แรงม้า ที่เพิ่งได้รับการเปิดตัวครั้งแรก ช่วยให้มอนเดโอมีอัตราการประหยัดน้ำมันที่เหนือชั้น โดยใช้น้ำมันเพียง 5.3 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร* และยังผ่านมาตรฐานการปล่อยไอเสียระดับ 5 และเมื่อทำงานร่วมกับระบบเกียร์อัตโนมัติพาวเวอร์ชิฟท์ มอนเดโอสามารถประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 5.6 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร*

Facebook Comments