ได้มีโอกาสร่วมกิจกรรมทดสอบขับรถ เทรลเบลเซอร์ PPVรุ่นใหม่ล่าสุดกับทาง Chevrolet โดยออกเดินทางจากโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ลาดพร้าว ไปยังเขาใหญ่
ก่อนเดินทางก็ต้องรู้ข้อมูลผลิตภัณฑ์กันก่อน
เทรลเบลเซอร์มี 3 รุ่นย่อย แต่ตัวที่ไปขับเป็นตัวท็อป คือ 2.5 L VGT 4X4 AT LTZ
เชฟโรเล็ต เทรลเบรลเซอร์ เป็นเครื่องยนต์ดีเซล ดูราแม๊กซ์ เทอร์โบ 4 สูบ 2,500 ซีซี 180 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิด 440 นิวตันเมตรที่ 2,000 รอบต่อนาที
เมื่อแรกเห็นก็เด่นชัดด้วยรูปทรงที่สูงใหญ่ กระจังหน้าใหม่ แผงกันชนและฝากระโปรงใหม่ รูปทรงดูดีเลยค่ะ
ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ยางขนาด 265/60 R18
รถเป็นรถแบบ 7 ที่นั่ง 3 แถว แต่เราได้พับเบาะแถวที่ 3 ก็เลยเหลือ 2 แถว
ซึ่งเบาะที่นั่งนี้สามารถพับได้ 60/40 ในเบาะแถวที่ 2 การพับแบบ 50/50 ในเบาะแถวที่ 3 หรือแม้แต่การพับแบบราบทุกที่นั่ง ตั้งแต่แถวหน้าสุดถึงแถวหลังสุด เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอย
ด้านหลังกว้างมากบรรทุกของได้เยอะ แต่ประตูท้ายเปิดแบบใช้มือเปิดเองนะคะ ไม่มีไฟฟ้า สาวตัวเตี้ยก็ต้องยืดตัวออกกำลังกันเล็กน้อย แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา
แล้วเราก็ออกเดินทางกันเลยนะคะ
คันที่ดิฉันนั่งก็คือตัวท็อป 2.5 L VGT 4×4 AT LTZ
คันนี้ไปกัน 4 คน โดย ดิฉันนั่งด้านหน้าคู่กับคนขับไปก่อน
ก้าวขึ้นรถก็มีบันไดข้างให้เหยียบขึ้นไป และมีที่จับข้างประตู ผู้หญิงตัวเล็กก็ก้าวขึ้นลงสะดวก
ที่นั่งฝั่งคนนั่งปรับมือค่ะ
ส่วนด้านคนขับปรับด้วยไฟฟ้าได้ 6 ทิศทาง
เป็นรถสูงก็ทำให้เห็นมุมมองสูง ทัศนวิสัยดี
เบาะนั่งก็เป็นเบาะหนังนั่งสบายกระชับดี
ส่วนแอร์ก็เป็นแอร์แบบอัตโนมัติ ปรับตามด้านคนขับ
แอร์แบบแยกส่วนมีทั้งแถวที่ สองและที่ 3 ซึ่งถ้าคนนั่งหลังหนาวก็สามารถปิดช่องแอร์ได้ค่ะ
ที่วางแก้วน้ำด้านซ้าย –ขวา หน้าคอนโซลข้างประตูคนนั่งและคนขับ สามารถดึงออก เมื่อไม่ต้องการจะวางแก้วได้ หรือจะปล่อยไว้แบบนั้นก็ได้ คิอพับไม่ได้และยื่นออกมา ซึ่งคิดว่าถ้าทำแบบพับให้เก็บได้แบบพับเก็บได้ก็ดีค่ะ
หน้าจอแบบทัชสกรีนขนาด 7 นิ้ว หรือสั่งงานผ่านปุ่มควบคุมบนพวงมาลัย ทั้งการสื่อสารและบันเทิง โทรศัพท์ เพียงปลายนิ้วสัมผัสผ่านหน้าจอทัชสกรีนขนาด 7 นิ้ว เชื่อมต่อ ทั้ง AM, FM. AUX , USB และ Bluetooth พวงมาลับแบบมัลติฟังก์ชั่นพร้อมครูซคอนโทรล หน้าจอดูเรียบง่าย
และเมื่อถึงจุดเปลี่ยนคนขับ คราวนี้ก็มาเป็นคนขับบ้าง ก้าวขึ้นรถเหยียบบันไดข้าง จับทีจับที่อยู่ราวประตู
จับพวงมาลัยก็ก้าวขึ้นรถได้สบาย ปรับกระจกมองข้างไฟฟ้า ปรับที่นั่งด้วยไฟฟ้าสูงต่ำตามต้องการ 6 ทิศทาง เห็นได้ชัดเจนดีเพราะรถสูง
พวงมาลัยอาจจะรู้สึกว่าบางไปหน่อย แต่สักพักก็ชิน แต่พวงมาลัยหนักแน่นดีนะคะ เวลาขับ ควบคุมได้ง่ายดี ไม่ดื้อค่ะ ไปไหนไปด้วย
เมื่อคนที่นั่งแถวที่ 2 ยังไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ก็จะมีไฟโชว์ที่หน้าจอต้องไปบอกให้คนนั่งหลังคาดเข็มขัดด้วย ก็เป็นระบบความปลอดภัยอีกระบบหนึ่ง
ภายในรถเก็บเสียงได้เงียบดี
ช่วงที่ขับไปฝนตกด้วยค่ะที่ปัดน้ำฝนก็ทำงานอัตโนมัติ
และเมื่อเจอถนนที่ลื่นหรือฝนตกใหม่ๆ เราก็สามารถสลับการขับขี่ระหว่าง การขับขี่แบบ 2 ล้อ (2-wheel drive) และ 4 ล้อ (4-wheel drive) แค่เพียงกดปุ่ม แต่ไม่ได้กดเปลี่ยนค่ะยังใช้แบบปกติ
ระบบความปลอดภัยให้มาเยอะค่ะมี
ระบบแจ้งเตือนมุมอับสายตา (Side Blind Zone Alert) และระบบแจ้งเตือนการจราจรและสิ่งกีดขวางด้านหลัง (Rear Cross Traffic Alert)
นอกจากนี้ ยังมีระบบความปลอดภัยทั้งแบบแอคทีฟและแพสซีฟ (ขึ้นอยู่กับรุ่น) ทั้งระบบป้องกันล้อหมุนฟรีทั้งขณะออกตัวและในโค้ง Traction Control System (TCS)
ระบบรองรับการเบรกกะทันหัน Panic Brake Assist (PBA), ระบบกระจายแรงเบรก Electronic Brake Force Distribution (EBD), ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว Electronic Stability Control (ESC)
ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน Hill Descent Control (HDC)
ระบบป้องกันการไหลของรถเมื่อขึ้นทางชัน Hill Start Assist (HSA)
ระบบรักษาเสถียรภาพขณะลากจูง (Trailer Sway Control)
ระบบป้องกันการพลิกคว่ำ (Anti-Rolling Protection)
พร้อมกับถุงลมนิรภัยคู่หน้าสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ตลอดจนถุงลมนิรภัยป้องกันหัวเข่าสำหรับผู้ขับขี่
เทคโนโลยีอื่นๆ เช่น ระบบแจ้งเตือนเมื่อออกจากช่องจราจร (Lane Departure Warning) ระบบเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Alert)
ระบบช่วยเหลือการจอดด้านหน้าและหลัง (Front and Rear Parking Assist)
ระบบแจ้งเตือนให้คาดเข็มขัดนิรภัย สำหรับผู้โดยสารแถวสอง (Second Row Seat Belt Reminder)
และระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง (Tire Pressure Monitoring System)
นอกจากนี้ ยังมีเซ็นเซอร์ตรวจจับปริมาณน้ำฝน ไฟหน้าเปิด/ปิดอัตโนมัติ
และรีโมท สตาร์ทที่ช่วยเพิ่มความสบายในสภาพอากาศร้อนโดยสามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ด้วยการกดสวิทช์ที่กุญแจและเปิดแอร์เพื่อให้ห้องโดยสารเย็นสบายก่อนเข้าไปนั่งในรถ
ซึ่งหลายระบบเราก็ได้ลองบนสนามแข่งรถชั่วคราว อย่างเช่นถอยหลังแล้วมีรถกำลังจะมาก็จะมีการแจ้งเตือนสิ่งกีดขวางด้านหลัง
หรือวิ่งใกล้คันหน้าเกินไปก็จะเตือนหรือหักเลี้ยวเร็วเกินไปเพื่อเปลี่ยนเลนโดยไม่เปิดไฟเลี้ยว ก็จะเตือนซึ่งอันนี้เราได้พบเจอจริง เมื่อตอนขับบนถนนจริงๆแล้ว
หรือในข่วงที่รถที่จะแซงในช่องซ้ายหรือขวา ก็จะมีไฟกระพริบที่มุมกระจกซ้ายหรือขวา และมีเสียงเตือนและไปกระพริบตลอดเวลา
หลังจากนั้นได้ออกเดินทางต่อไปบนถนนที่มีความคดเคี้ยวของเขาใหญ่ การเกาะถนนดี
ส่วน ช่วงล่างก็ถือว่าน่าพอใจ ถ้าขับเองนั่งหน้าช่วงล่างนั่งสบาย แต่นั่งด้านหลังอาจจะรู้สึกว่าแข็งไปหน่อย
และเราก็มุ่งหน้าสู่มีราเซียรา ที่พักแนวบูติกโฮเต็ลที่มีเพียง 9 ห้อง มีราเซียราเป็นภาษาสเปนแปลว่า “มองภูเขา” สอดคล้องกับวิวทิวทัศน์ที่สวยสดงดงาม รายล้อมด้วยภูเขาและไร่สีเขียวยาวไกลสุดสายตา
เชฟโรเลตจัดกิจกรรมพิเศษให้สื่อมวลชนได้เรียนทำอาหารกับ “เชฟต่าย” คุณฉัตรวิมล ติยะชัยพานิช ซึ่งเคยร่วมงานกับโรงแรมระดับห้าดาวหลายแห่ง
หลังจากนั้นก็ขับรถเทรลเบลเซอร์ รุ่นใหม่ล่าสุด มุ่งสู่จุดหมายปลายทางสุดท้าย คือ เดอะ ปาซ เขาใหญ่ ซึ่งเป็นรีสอร์ทแห่งใหม่ล่าสุดในเขาใหญ่ ที่ได้รับการตกแต่งแนวโมเดิร์น ตั้งอยู่บนเทือกเขาขนาดย่อม มองเห็นแมกไม้สีเขียวจรดขอบฟ้า
ก็เสร็จสิ้นกิจกรรมการทดสอบเทรลเบลเซอร์ ผู้หญิงขับก็ขับง่าย ทัศนวิสัยดี เท่สไตล์อเมริกัน
การกินน้ำมันอยู่ที่ 11.5 – 12 กิโลเมตรต่อลิตร ความเร็วหลากหลาย
ราคาเทรลเบลเซอร์ รุ่นใหม่ล่าสุด มีทั้งหมด 3 รุ่นย่อย
The All-New Trailblazer 2.5L VGT 4X2 AT LT 1,244,000 บาท
The All-New Trailblazer 2.5L VGT 4X2 AT LTZ 1,379,000 บาท
The All-New Trailblazer 2.5L VGT 4X4 AT LTZ (คันที่ขับ) 1,479,000 บาท
ธัญญลักษณ์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา
ผู้หญิงขับรถ
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…