เช้าวันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันที่สองของการเดินทางกับมาสด้า Cx-3 และ Cx-5 กับระยะทางอีก 330 กิโลเมตร ก็ 6, 7, 8 ตื่นหกโมงเช้า กินข้าวเจ็ดโมง และออกเดินทางแปดโมง
ออกจากโรงแรมไปที่รถ หนาวมาก มีเกร็ดน้ำแข็งหรือแม่คะนิ้งเกาะบนรถ อุณหภูมิ -6 องศา เมื่อสตาร์ทรถแล้วก็มีไอน้ำออกจากท่อไอเสียมากเลยเพราะความเย็น รถไม่มีปัญหาแต่อย่างไร
เราเปิดฮีทเตอร์และตัวไล่ฝ้าเพื่อไล่เกร็ดน้ำแข็งที่เกาะบนกระจกหน้า ซึ่งทางผู้นำทางเราบอกไว้ว่าอย่าเปิดที่ปัดน้ำฝน ให้เปิดที่ไล่ฝ้าอย่างเดียว ซึ่งแป๊บเดียวเกร็ดน้ำแข็งก็หายไป
แล้วเราก็ออกเดินทางจากเมือง Sukbatarเพื่อไปยังด่านชายแดนมองโกเลีย เพื่อจะข้ามไปยังฝั่งไซบีเรียของรัสเซีย เส้นทางเป็นสองเลนเหมือนเดิมและยังขรุขระบ้างเป็นบางช่วง มีวัวข้ามถนนเป็นระยะ ท้องฟ้าสดใส สองข้างทางเป็นทุ่งกว้าง
วันนี้ดิฉันเป็นคนขับรถคันเดิม Mazda Skyactive Cx-5 เครื่องยนต์เบนซิน รถจากเมืองไทย ปรับที่นั่งให้เข้าที่ที่นั่งปรับไฟฟ้า สูงต่ำได้ตามต้องการ ขับไประมาณ 26 กิโลเมตรก็ถึงด่านชายแดน มองโกเลีย -รัสเซีย
การผ่านด่านนั้น รถแต่ละคันได้ระบุชื่อผู้ขับประจำรถไว้แล้วในการขอนุญาตครั้งแรกซึ่งคันหมายเลข 7 ของดิฉันเป็นชื่อคุณอุทัย เรืองศักดิ์ ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ ของมาสด้า คุณอุทัยก็ต้องมาขับรถผ่านด่าน ดังนั้นใครมีชื่อว่าขับคันไหนก็ต้องกลับมาประจำรถคันนั้น และห้ามถ่ายรูปเมื่ออยู่หน้าด่าน
เราเข้าด่านประมาณ 9.30 น.กว่าจะเสร็จขั้นตอนการตรวจก็ประมาณ บ่ายสอง
เพราะนอกจากตรวจคนแล้วยังต้องตรวจรถอีกด้วย
รถต้องจอดทิ้งไว้ คนก็ต้องลงจากรถผ่านการตรวจคนเข้าเมืองที่อยู่ภายในอาคาร และกระเป๋าเดินทางทั้งหมดต้องยกลงเพื่อผ่านเครื่อง X-Ray ทั้งหมด
สัมภาระของพวกเราผู้หญิง ท้ายรถจุมาก
ส่วนรถก็ต้องตรวจสอบว่าขออนุญาตถูกต้องหรือไม่ เลขเครื่องยนต์ตรงกันหรือเปล่า กว่าจะเสร็จใช้เวลาถึงบ่ายสอง
ใช้เวลาเกือบ 5 ชั่วโมง. ในฝั่งด่านมองโกเลีย
ที่ด่านจะเข้มงวดเรื่องที่สูบบุหรี่ จะต้องมองให้ดีว่าเขาห้ามสูบหรือไม่ ต้องไปยังที่ที่เขาจัดไว้ ไม่ยังงั้นจะโดนกักตัวและเสียค่าปรับ
หลังจากนั้น เราก็ขับรถข้ามไปยังชายแดนรัสเซีย ซึ่งรถเข้ามาค่อนข้างเยอะ เพราะว่าคนมองโกเลียก็เข้ามาเที่ยวด้วย เพราะเขายกเลิกการขอวีซ่าให้คนมองโกเลียเช่นเดียวกัน ทำให้เข้ามาเที่ยวไซบีเรียมากขึ้น
มื้อกลางวันของพวกเราก็เลยกินกันบนรถ เพราะมีอาหารกล่องเตรียมมาให้แล้วตั้งแต่ตอนเช้าเป็นไก่ย่างกับเฟรนด์ฟรายด์ ก็อร่อยกันทีเดียว
หลังจากนั้นก็ลงไปผ่านขั้นตอนตรวจคนเข้าเมืองทีละคน เพียงแต่ว่าไม่ต้องจอดรถทิ้งไว้ เพราะขับผ่านช่องตรวจและลงไปเลย ขั้นตอนไม่นานค่ะ หลังจากนั้นก็ ตรวจกระเป๋าเดินทาง ต้องยกลงจากรถ และมีสุนัขมาดมกลิ่น เมื่อผ่านแล้วก็ยกของขึ้นรถ แล้วไปจอดรอคันอื่นต่อไป ซึ่งขั้นตอนที่จะช้าก็คือการตรวจเอกสารของรถแต่ละคัน กว่าจะเสร็จก็ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงเพราะเราไปกันหลายคัน
แล้วตอนนี้เราก็มายังฝั่งรัสเซียแล้วประมาณ 6 โมงเย็น (5 โมงเย็นบ้านเรา)
สิ่งแรกก็คือแวะปั๊มน้ำมันกันก่อนเลยเพื่อเข้าห้องน้ำ และจอดกินกาแฟกาแฟจากรถเซอร์วิสเรานะคะซึ่งเป็นMazda BT- 50 มีอาหารสำเร็จรูปพร้อมเครื่องดื่มชา กาแฟ (ความสนุกสนานของการเดินทาง)
อากาศยิ่งค่ำก็ยิ่งหนาว แถมมีลมพัดอีกด้วย ของร้อนร้อนที่เป็นน้ำวิเศษที่สุด ปั๊มที่เราแวะเพื่อเติมน้ำมันนี้ มีซุปเปอร์มาร์เก็ตเล็กๆอยู่ ก็เลยมีห้องน้ำให้เข้า
เรื่องห้องน้ำนี้ ไม่ใช่ว่าจะเข้าได้ทุกปั๊มนะคะ บางปั๊มก็ไม่มีห้องน้ำ บางปั๊มก็เป็นส้วมหลุมไว้จะเล่าให้ฟังในตอนต่อไปที่เจอค่ะ พยายามหาปั๊มที่มีซุปเปอร์มาร์เก็ต แต่บางครั้งก็ไม่มีนะ
กลับมาเรื่องเติมน้ำมันดีกว่า น้ำมันก็จะมี เบนซินออกเทน 98 ,95,92 และดีเซล รถเราก็เดิมออกเทน 95 ราคาน้ำมันก็ตกประมาณลิตรละ18 บาท และเราก็ต้องเติมน้ำมันเองค่ะ
พวกเราก็ออกเดินทางกันต่อค่ะ เข้ามาฝั่งรัสเซียจะเห็นแนวสนมากขึ้น แต่ค่ำแล้วก็แทบไม่เห็นอะไร ขบวนเราเดินทางกันต่อ โดยผู้นำทางคือรถคันแรกคอยบอกทางให้ตลอดเวลา
ก็ถึงที่พักทีเมือง Ulan- Ude ของไซบีเรีย เป็นเมืองค่อนข้างใหญ่ เข้าที่พักกินข้าวเย็นที่นี่ เราพักชั้น 2 เป็นโรงแรมที่ไม่มีลิฟท์เช่นกันค่ะ โรงแรมนี้มีเจ้าหน้าที่ของโรงแรมยกกระเป๋าไปที่ห้องให้
ลืมบอกไปว่าเมื่อเริ่มเข้าชายแดนรัสเซียแล้ว Pocket Wi-fi หรือหากเปิด Wi-Fi ไว้ก็ใช้ได้เลยค่ะ แต่อาจจะขาดหายบ้างหากอยู่ไกลจากเมือง
แต่ทุกโรงแรมมี Wi-Fi
มาสด้า CX-3 และ CX-5 ก็เข้ามาจอดรถที่โรงแรมอย่างปลอดภัย
ธัญญลักษณ์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา
ผู้หญิงขับรถ
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…