ปารีส ห้ามรถเก่าเข้าเมือง

บ้านเราเพิ่งจะเป็นข่าวกันเมื่อสองสามวันมานี่เอง เมื่อมีผู้เสนอความเห็นว่าน่าจะมีข้อจำกัดรถเก่า เกิน 7 ปี อาจต้องเสียภาษีป้ายทะเบียนเพิ่มขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้เกิดความรู้สึกว่า น่าจะขายรถเก่า แล้วเปลี่ยนมาใช้รถใหม่ดีกว่า ก็มีเสียงสรรเสริญเยินยอกันให้ขรมไปหมด

แต่ที่ประเทศฝรั่งเศส หนังสือพิมพ์ เลอมัน Le Monde เพิ่งเสนอข่าวว่า ผู้บริหารกรุงปารีส ได้ออกข้อบังคับ ห้ามรถยนต์ที่จดทะเบียนก่อนปี 2540 และมอเตอร์ไซค์ ที่จดทะเบียนก่อนปี 2542 เข้าในเขตใจกลางเมืองในวันทำงาน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม เป็นต้นไป

นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดย่อยลงไปอีก ว่าสำหรับรถยนต์ แบ่งเป็น 6 ประเภทย่อย ตามลำดับอายุรถ และค่ามลภาวะจากไอเสีย โดยทางราชการจะออกสติคเกอร์ติดกระจกสำหรับเจ้าของรถ เพื่อให้เจ้าพนักงานสามารถตรวจสอบได้ง่าย ผู้ที่ฝ่าฝืนจะถูกปรับเป็นเงิน 1,400 บาท แต่จะเริ่มการปรับตั้งแต่ต้นปีหน้า

ข้อบังคับใหม่นี้ เป็นมาตรการล่าสุดเพื่อลดหมอกควันที่เกิดขึ้น รวมทั้งการจราจรที่ติดขัดบริเวณที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว โดยจะมีผลกระทบสำหรับยานยนต์ในกรุงปารีสราว 10% โดยมาตรการเดิม ประกาศห้ามรถเพื่อการพาณิชย์ หรือรถบรรทุกทุกประเภท ตลอดวัน ตั้งแต่ปีที่แล้ว และห้ามรถยนต์เข้าใจกลางเมือง ด้วยมาตรการจากป้ายทะเบียนและองค์ประกอบอื่นๆ หลายอย่าง

นอกจากนี้ กรุงปารีส ยังเตรียมมาตรการเข้มข้นด้านสติคเกอร์ติดรถ สำหรับในอนาคต ที่จะห้ามรถยนต์ที่อายุเกิน 10 ปี เข้าในเขตใจกลางกรุง ทั้งวันธรรมดาและวันหยุด โดยคาดหวังว่าผู้บริโภคที่ใช้รถเก่า จะเปลี่ยนไปใช้รถที่มีค่าไอเสียน้อยกว่าเดิม

มาตรการดังกล่าว เป็นผลมาจากรายงานของ องค์การอนามัยโลก WHO ที่ระบุว่า ปัญหาของหมอกควัน เป็นสาเหตุให้ประชากรฝรั่งเศสราว 42,000 คน ที่ไม่มีการป้องกันตัวจากสถานการณ์ดังกล่าวที่ดีพอ เสียชีวิตลงในแต่ละปี

ขณะเดียวกัน รายงานที่นำเสนอรัฐสภาฝรั่งเศสระบุว่า ประเทศต้องใช้จ่ายเงินมากกว่า 3,360 พันล้านบาทต่อปี เพื่อแก้ไขปัญหาจากหมอกควัน ซึ่งประเมินว่าส่วนใหญ่เกิดจากยานพาหนะ ทำให้ข้อบังคับหนใหม่นี้ จะกระทบกับประชาชนผู้มีรายได้น้อย สภาพทางการเงินอาจไม่สามารถเปลี่ยนรถใหม่ได้ รวมทั้งไม่มีข้อยกเว้น สำหรับรถคลาสสิค หรือรถในอดีตที่น่าประทับใจ ยี่ห้อ หรือรุ่นใดๆ ทั้งสิ้น

มาตรการหนนี้ นับเป็นผลดีสำหรับรถยนต์ที่ปลอดมลภาวะ ทั้งรถไฟฟ้า และรถใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจน ที่แทบจะไม่ต้องตรวจวัดค่าไอเสียเลย แต่ประเด็นที่แท้จริง คือ ทางการต้องการจำกัดปริมาณรถยนต์ในเขตเมือง ในวันทำงาน มากกว่าการต่อสู้กับมลภาวะในอากาศ