ท่านประธาน คุยว่า ยานยนต์ทุกวันนี้ จำเป็นต้องตอบโจทย์ที่ทำให้ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารมีความสุข เพื่อคุณภาพของชีวิตที่ดี ปราศจากแรงกดดันใดๆ และยานยนต์แต่ละคัน จำเป็นต้องสื่อสารกับคันอื่นๆ ได้และส่งต่อข้อมูลเพื่อให้การเดินทางเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถใช้ข้อมูลที่แบ่งปันระหว่างรถแต่ละคันนั้น อาทิเพื่อการหาที่จอดรถ และสามารถจอดได้ด้วยตัวเอง
“เราเริ่มการทดสอบการสื่อสารระหว่างรถยนต์ ที่เมืองสตุ๊ทการ์ด ร่วมกับ บ็อช” ท่านประธานว่า “โดยการใช้เซ็นเซอร์ที่ติดไปกับรถ หากพื้นที่ว่าง
ด้วยการติดต่อกับรถเบนซ์คันอื่นๆ ที่สามารถติดต่อได้ จะทำให้รถทุกคันทราบว่า ที่จอดรถที่ใกล้ที่สุด และสะดวกสบายที่สุดอยู่ตำแหน่งไหน ในอนาคต ระบบกันจะช่วยให้ผู้ขับขี่ขับไปยังจุดนั้น และอนาคตข้างหน้า รถยนต์ไร้คนขับก็จะขับไปยังจุดนั้นและจอดได้ด้วยตัวเอง
ดร.เซ็ทเซ่ กล่าวว่า รถยนต์ก็จะเริ่มต้นเป็นผู้ช่วยเหลือเข้าของ ทำธุระอย่างพาเด็กไปโรงเรียน และรับสมาชิกในบ้านที่อยู่ข้างนอกกลับมายังบ้าน “ทุกคนพากันพูดถึงระบบดิจิตอลและการเชื่อมต่อของรถยนต์ แต่ซอฟท์แวร์เพียงอย่างเดียวจะไม่สามารถนำคุณจาก A ไปยัง B มันต้องประกอบกันทุกส่วนที่จะสามารถทำได้”
นอกเหนือจากนั้น ท่านประธานยังบอกด้วยว่า จะต้องหาวิธีการที่ทำให้ผู้โดยสารรู้สึกสะดวกสบายในการเดินทาง โดยผู้โดยสารที่ลงจากรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ จะต้องมีความสดชื่นมากกว่าตอนขึ้นรถ “ภายในรถจะติดตั้งเซ็นเซอร์ ตรวจสอบสุขภาพของผู้โดยสาร จากนั้นก็จะปรับแต่งอุณหภูมิภายในรถ รวมทั้งความสะดวกสบายในท่านั่ง เพื่อปรับความดันโลหิตของผู้โดยสารด้วย”
เมื่อขอให้ลงในรายละเอียด ดร.เซ็ทเซ่ ก็บอกให้ดูจากรถยนต์ต้นแบบ เมอร์เซเดส เอฟ015 ในภาพ เป็นตัวอย่าง ซึ่งเปิดตัวในงาน คอนซูเมอร์ อีเล็คทรอนิคส์ โชว์ ในลาสเวกัส ต้นแบบรถขับเคลื่อนด้วยตัวเอง ที่มอบความสะดวกสบายแก่ผู้โดยสาร “เราไม่รู้แน่นอนว่าในอีก 10 ปี ข้างหน้า รถยนต์จะเป็นอย่างไร แต่รู้แน่ชัดว่าจะต้องมีคุณค่ามากกว่านี้” ดร.เซ็ทเซ่ กล่าว “แต่ต้องไม่ลืมว่า คนเราก็ต้องการการขับรถที่สนุกสนานเช่นกัน ซึ่งเราจะไม่ลืมเรื่องนั้นเลย”
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…