บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย
รายงานผลประกอบการยอดเยี่ยมปี 2553:
กรุงเทพฯ. บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย รายงานผลประกอบการยอดเยี่ยมปี 2553 ในทั้ง 3 ส่วนธุรกิจ: ธุรกิจรถยนต์แบรนด์ BMW, ธุรกิจรถยนต์แบรนด์ MINI และธุรกิจมอเตอร์ไซค์แบรนด์ BMW ในปี 2553 ที่ผ่านมา ธุรกิจรถยนต์แบรนด์ BMW ปิดยอดขายได้เพิ่มขึ้น +28% เทียบกับปีก่อนหน้า โดยรายงานยอดขายจำนวน 3,015 คัน ซึ่งเป็นอัตราการขยายฐานลูกค้าในระดับสูงถึงสองปีซ้อน ส่วนธุรกิจรถยนต์แบรนด์ MINI ก็สามารถทำยอดขายทะลุหลัก 400 คันได้เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน โดยรายงานยอดขายจำนวน 407 คัน และธุรกิจมอเตอร์ไซค์แบรนด์ BMW รายงานยอดขาย 245 คัน หรือเพิ่มขึ้น +73% เทียบกับปีก่อนหน้า
ปี 2554: มุ่งมั่นบริการลูกค้า วางรากฐานที่แข็งแกร่ง
ทั้งในด้านแบรนด์ ด้านผลิตภัณฑ์ และด้านการบริการ
มร. แมทธิอัส พฟาลซ์ ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “ในปี 2554 เราจะเน้นด้านการให้บริการลูกค้าเป็นสำคัญ ทั้งในด้านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ ด้านการบริการหลังการขาย และการบริการทางการเงิน โดนในด้านผลิตภัณฑ์ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย จะดำเนินกลยุทธ์เชิงรุกอย่างต่อเนื่อง นอกจากจะมุ่งเน้นการนำเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆที่เหนือชั้นแล้ว ยังจะขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งในส่วนตลาดหลักสำหรับรุ่นประกอบในประเทศและตลาดรถนำเข้า ในส่วนของกลยุทธ์การวางตำแหน่งสินค้าและการตั้งราคา เรายังคงเน้นที่ความคุ้มค่า หรือ Value-for-Money เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกัน และในขณะเดียวกัน ตรงนี้จะช่วยสร้างความสมดุลของอุปสงค์และอุปทาน เพื่อรักษาและเพิ่มมูลค่าราคารถมือสองในตลาดอย่างต่อเนื่อง และเพื่อความเป็นเลิศด้านการบริการลูกค้า เราวางแผนขยายเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการ เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการบริการลูกค้า อีกทั้งยังเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับรองรับฐานลูกค้าที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในอนาคตด้วย”
กลยุทธ์ผลิตภัณฑ์เชิงรุก มุ่งมั่นขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า
BMW X1 sDrive18i: JOY IS NOW. ไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่รุ่นประกอบในประเทศ
MINI Connected – ครั้งแรกในเมืองไทยที่รถยนต์เชื่อมต่อ Internet
BMW K1600 GTL มอเตอร์ไซค์ 6 สูบคันแรกจาก BMW
… โปรดติดตามชมต่อไป
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยเตรียมนำเสนอผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า และตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์สำหรับตลาดพรีเมี่ยมในเมืองไทย โดยในปีนี้ จะมีการนำเสนอ BMW X1 sDrive18i รุ่นประกอบในประเทศ ซึ่งเป็นการขยายไลน์ผลิตภัณฑ์เป็นรุ่นที่ 5ของโรงงานระยอง ที่เดิมได้ประกอบรุ่นซาลูนของ BMW ซีรี่ย์ 3, ซีรี่ย์ 5 และ ซีรี่ย์ 7 และรถอเนกประสงค์ SAV Sports Activity Vehicle รุ่น X3 มาแล้ว
ในส่วนรุ่นนำเข้า บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เริ่มปีด้วยการอวดโฉม BMW ซีรี่ย์ 6 รุ่น Convertible ในงานแถลงข่าววันนี้ ซึ่งรุ่นนี้ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในระดับโลกเพียง 2 สัปดาห์ก่อนหน้า ที่งานดีทรอยต์มอเตอร์โชว์ NAIAS 2011 ในขณะเดียวกัน บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย ก็ได้ประกาศความพร้อมในการทำตลาดของ BMW K1600 GTL ซึ่งเป็นมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์ 6 สูบรุ่นแรกจากบีเอ็มดับเบิลยู ซึ่งจะนำมาเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนลมอเตอร์โชว์ครั้งที่ 32 ในเดือนมีนาคมนี้
ในปีนี้ มินิ ประเทศไทย วางแผนที่จะนำเสนอ MINI Connected ซึ่งเป็นนวัตกรรมด้าน Infotainment ล่าสุด ซึ่งจะเป็นครั้งแรกในเมืองไทยที่รถยนต์สามารถเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตได้ ในขณะนี้ ระบบ MINI Connected สามารถเชื่อมต่อกับโปรแกรม Twitter, Web news และ Web radio ซึ่งทำให้การฟังวิทยุจากประเทศต่างๆทั่วโลก เป็นไปได้อย่างง่ายดายและในอนาคตก็จะมีการเปิดบริการเพิ่มขึ้นในส่วนโปรแกรม Facebook และ Google Local Search ทั้งนี้ ระบบ MINI Connected จะทำงานร่วมกับ iPhone 4 ผ่านระบบเชื่อมต่อสัญญาณ Data GPRS หรือ 3G
เน้นความเป็นเลิศในด้านการบริการลูกค้า: เพิ่มศักยภาพการให้บริการเพื่อความพีงพอใจสูงสุด
เสริมความแข็งแกร่งของระบบเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายและบริการ
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยได้วางแผนการขยายเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการเพิ่มขึ้นอีก 2 แห่งในกรุงเทพฯ เพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการเพื่อความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า อีกทั้งยังเป็นการเตรียมพร้อมเพื่อรองรับการเติบโตของฐานลูกค้าด้วย ด้วยกลยุทธ์ระบบเครือข่ายแบบผสมรูปแบบ – ทั้งศูนย์จำหน่ายและบริการเต็มรูปแบบ โชว์รูมขายโดยเฉพาะ ศูนย์บริการแบบครบวงจร ศูนย์บริการแบบแซ็ตเทิลไลท์ และโชว์รูมเฉพาะทาง (เช่น โชว์รูมรถยนต์นำเข้าโดยเฉพาะ โชว์รูม BMW Premium Selection โดยเฉพาะ) – นอกจากจะทำให้บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างทั่วถึงแล้ว ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการลงทุนอีกด้วย
นอกจากตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการที่ได้รับการออกแบบให้ผสมผสานความสง่างามด้านสถาปัตยกรรมเข้ากับประสิทธิภาพกระบวนการทำงานแล้ว บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังได้วางมาตรฐานกระบวนการทำงานผ่านโครงการ QMA Quality Management Autohaus ซึ่งเน้นการออกแบบกระบวนการทำงานอย่างเป็นระบบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการลูกค้า อีกหนึ่งโครงการในการเพิ่มศักยภาพการให้บริการเพื่อความพีงพอใจสูงสุดของลูกค้า คือ การเพิ่มศักยภาพของบุคลากรของตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการ โดยศูนย์ฝึกอบรมบุคลากร BMW Group Training Academy ได้พร้อมดำเนินงานเต็มรูปแบบทั้งในส่วนของการอบรมด้านเทคนิคและด้านการบริหารระบบการให้บริการ สำหรับทั้งในส่วนการขายและบริการหลังการขาย นอกจากนี้ยังมีแผนการทำการตลาดมุ่งเน้นด้านลูกค้าสัมพันธ์ CRM ที่ทำผ่านศูนย์ Contact Center ของบริษัทฯเองทำให้บริษัทฯสามารถติดต่อกับลูกค้าได้โดยตรงอย่างมีประสิทธิภาพ
ลูกค้าสบายใจได้เสมอกับโปรแกรมบำรุงรักษาและซ่อมแซม
BSI BMW Services Inclusive และ MSI MINI Services Inclusive
และโปรแกรม BMW Premium Selection และ MINI Next สำหรับรถมือสอง
หัวใจสำคัญในการสร้างความพึงพอใจสูงสุด คือ ความสบายใจของลูกค้า ดั้งนั้นรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูจะมาพร้อมกับโปรแกรมบริการหลังการขาย BSI BMW Services Inclusive ซึ่งเป็นการรับดูแล บำรุงรักษาและซ่อมแซมตลอดระยะเวลา 5 ปี/ 100,000 กิโลเมตร ในขณะที่รถยนต์มินิจะมาพร้อมกับ MSI MINI Services Inclusive ซึ่งเป็นการรับดูแล บำรุงรักษาและซ่อมแซมตลอดระยะเวลา 3 ปี/ 50,000 กิโลเมตร โปรแกรมบำรุงรักษาและซ่อมแซมทั้งสองนี้ นอกจากจะเป็นการสร้างความสบายใจแล้ว ยังเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าของ (Low Cost of Ownership) อีกด้วย
นอกจากนั้น บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยยังมุ่งหน้าทำตลาดรถยนต์มือสองอย่างต่อเนื่อง ผ่านโปรแกรม BMW Premium Selection สำหรับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู และ MINI Next สำหรับรถยนต์มินิ ซึ่งนอกจากจะเป็นการเพิ่มความสบายใจให้กับผู้ซื้อรถยนต์มือสอง โดยมีการรับประกัน 2 ปี/ 40,000 กิโลเมตรแล้ว ยังเป็นการสร้างความต้องการต่อเนื่องสำหรับรถยนต์ทั้งสองแบรนด์ เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าราคารถมือสองในตลาดอีกด้วย
JOY 2.0 ต่อยอดแบรนด์แคมเปญจ์ของ BMW
ภาค 2 แห่งความสำเร็จกับแบรนด์อันดับที่ 1 ในใจลูกค้า
บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย เปิดปี 2554 ด้วยแบรนด์แคมเปญจ์ JOY 2.0 ซึ่งเป็นการต่อยอดความสำเร็จของแคมเปญจ์ JOY IS BMW ในปีก่อนหน้า ที่ได้ขยายบริบทของแบรนด์ BMW เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคในวงกว้าง โดยในปีที่ผ่านมา แบรนด์ BMW ได้ขึ้นเป็นแบรนด์อันดับที่ 1 ในเซ็กเมนท์พรีเมี่ยม จากผลการสำรวจความคิดเห็นผู้บริโภคในประเทศไทยหลายชิ้น ซึ่งนี่เป็นเครื่องบ่งชี้ความสำเร็จของแบรนด์ BMW ได้เป็นอย่างดี
ในปี 2554 นี้ แคมเปญจ์ต่อยอด JOY 2.0 จะขยายบริบท เพื่อให้คลอบคลุมความโดดเด่นของบีเอ็มดับเบิลยู โดยเฉพาะในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมล้ำสมัยอย่างเทคโนโลยี EfficientDynamics ซึ่งจะทำการสื่อสารเชิงสัญลักษณ์ผ่านรถต้นแบบ BMW Vision EfficientDynamics อีกทั้งยังสร้างความสัมพันธ์เชื่อมต่อจากอนาคตสู่ผลิตภัณฑ์ในปัจจุบัน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคในผลิตภัณฑ์ที่เหนือชั้นของบีเอ็มดับเบิลยู ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างชื่อเสียงให้กับ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ในฐานะ The World’s Most Sustainable Car Company โดยการจัดอันดับของ Dow Jones Sustainability Index ถึง 6 ปีซ้อน
“เรามุ่งเน้นที่การเติบโตอย่างมีคุณภาพ โดยการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่ง ทั้งในส่วนของแบรนด์และส่วนการขยายฐานลูกค้า ผ่านการให้บริการที่ดีเลิศ เพื่อความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้าของเรา และนี่จะเป็นรากฐานสำคัญในการเตรียมความพร้อมเพื่อชิงตำแหน่งผู้นำในเซ็กเมนท์พรีเมี่ยม” มร. พฟาลซ์ กล่าวทิ้งท้าย
**************************************************************************
สารฑูล สักการเวช
sarathun@caronline.net
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…