นิสสันคาราวาน ร่วมทดสอบขับขี่ นาวารา เอ็กซ์เทรล และ เทอร์ร่า ใหม่ แสดงศักยภาพที่ “ลุยได้ทุกที่” ณ ประเทศเมียนมาร์

นิสสัน ประเทศไทย ได้เชิญสื่อมวลชนร่วมขบวนทดสอบขับขี่เป็นเวลา 11 วัน 10 คืน บนเส้นทางที่มีระยะทางรวมทั้งหมดกว่า 3,000 กม. ทั่วประเทศเมียนมาร์ ในกิจกรรมที่จัดขึ้นด้วยแนวคิด “Nissan Intelligent Driving Experience (NIDE) Go Anywhere” เพื่อพิสูจน์ศักยภาพของรถกระบะอัจฉริยะอย่าง นาวารา แบล็ค เอดิชั่น ปี 2019 ใหม่ รถเอสยูวีอัจฉริยะสำหรับชีวิตในเมือง อย่าง เอ็กซ์เทรล ใหม่ และ เทอร์ร่า ใหม่ รถอเนกประสงค์อัจฉริยะแบบตัวถังบนแชสซี

โดยกิจกรรม NIDE Go Anywhere ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ครั้งนี้นับเป็นคาราวานเดินทางข้ามประเทศอย่างเป็นทางการครั้งแรกในเมียนมาร์ที่เริ่มต้นจากตอนใต้สู่ตอนเหนือของประเทศซึ่งแบ่งออกเป็นสามกลุ่มโดยกลุ่มที่หนึ่งได้เดินทางข้ามพรมแดนจากจังหวัดกาญจนบุรีไปยังเมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมาร์ ขณะที่กลุ่มที่สองเดินทางจากย่างกุ้งไปยังมัณฑะเลย์

และตามด้วยกลุ่มที่สามที่ผมได้รับไม้ต่อจากกลุ่มสอง โดยเดินทางจากมัณฑะเลย์ – ทะเลสาบอินเล – เมืองน้ำจ๋าง – เมืองเชียงตุง- ท่าขี้เหล็ก และกลับสู่ประเทศไทยทางอำเภอแม่สายตอนเหนือของจังหวัดเชียงราย โดยระยะทางขับขี่ทั้งสามกลุ่มรวมกันกว่า 3,000 กิโลเมตรโดยทีม CARONLINE นั้นได้ใช้เวลา 5 วัน 4 คืน กับทริปครั้งนี้ โดยเดินทางออกจาก สุวรรณภูมิในช่วงบ่ายๆไปถึงพม่าในช่วงค่ำๆหลังจากลงเครื่องแล้วเราเดินทางไปรับประทานอาหารเย็นกันก่อนจะเข้าโรงแรมที่พักเพื่อเตรียมตัวเดินทางในวันรุ่งขึ้น

เริ่มเดินทางครั้งแรกที่ได้ขับนั้นคือ นิสสัน เทอร์ร่า เรามาทวนความจำกันซะหน่อยว่ารายละเอียดนั้นมีอะไรบ้าง เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.3 ลิตร เทอร์โบคู่ ระบบกันสะเทือนด้านหลังแบบ 5 ลิงค์ (5-link) ที่ช่วยลดอาการโคลงตัวของรถ หรือ body rolling เครื่อยนต์ของเทอร์ร่า ใหม่ ให้พละกำลังสูงสุดถึง 190 แรงม้า และมีแรงบิดสูงถึง 450 นิวตัน-เมตร

ออกจากที่พักแวะเยี่ยมชมเจดีย์กุโสดอว์ ที่มีชื่อเสียง เจดีย์กุโสดอ เป็นเจดีย์สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศพม่า ซึ่งใช้รูปแบบการสร้างแบบเดียวกับเจดีย์ชเวซิกอง ในเมืองพุกาม และยังเป็นที่ตั้งของ หนังสือที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก จากการสังคายนาพระไตรปิฏก และได้มีการจารึกข้อความทั้ง 84,000 พระธรรมขันธ์ ลงบนแผ่นหินอ่อนขนาดใหญ่จำนวน 729 แผ่น ซึ่งตั้งอยู่รายล้อมพระเจดีย์ ตั้งอยู่ในเมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า

เส้นทางในวันนี้นั้นขับรถกันยาวๆ 255 กิโลเมตรโดยที่จะผ่านเขา และทางลูกรังที่และมีการก่อสร้างถนนตลอดเส้นทาง ถนนพม่าช่วงที่ขับนั้นจะไม่มีไหลทาง ซึ่ง สองข้างทางก็จะสลับกันทั้งเหว ทางโค้ง ถนนที่ขรุขระ ซึ่งก็ให้เราได้ทดสอบสมรรถนะของรถเทอร์ร่า ได้อย่างเต็มที่จนมีถึงที่พักในทะเลสาบอินเล

เช้าวันที่สามเยี่ยมชมทะเลสาปอินเล  อิเลเป็นทะเลสาบน้ำจืด ตั้งอยู่ในบริเวณภูเขาชานในรัฐชาน ห่างจากเมืองตองจีประมาณ 25 กิโลเมตร ในประเทศพม่า เป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับสองของพม่ามีพื้นที่ประมาณ 116 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 2,900 ฟุต ในช่วงฤดูแล้งความลึกของน้ำเฉลี่ยอยู่ที่ 2.1 เมตร โดยมีจุดที่ลึกที่สุดคือ 3.7 เมตร แต่ในช่วงฤดูฝนสามารถเพิ่มขึ้นได้กว่า 1.5 เมตร

แม้ว่าทะเลสาบจะไม่ใหญ่มากนักแต่ก็มีสัตว์สายพันธุ์เฉพาะถิ่น หอยทากกว่า 20 สายพันธุ์ และปลา 9 ชนิดพบว่าไม่มีที่ไหนในโลก บางส่วนของสัตว์เฉพาะถิ่นเหล่านี้ เช่น ปลาซิวซอ-บว่า ปลาซิวกาแล็กซี มีความสำคัญในเชิงพาณิชย์เล็กน้อยสำหรับการค้าให้แก่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ และมีนกนางนวลหัวสีน้ำตาลและสีดำอพยพกว่า 20,000 ตัวในเดือนพฤศจิกายน ธันวาคมและมกราคมทะเลสาบแห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัยของกลุ่มชนที่เรียกตนเองว่า ชาวอี้นต้า (Intha) ชนเผ่านี้อาศัยอยู่รอบทะเลสาบอี้นเล่มานานนับร้อยปีแล้ว โดยใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางการทำการเกษตรบนเกาะวัชพืชที่พวกเขาสร้างขึ้นมาเองกลางลำน้ำในทะเลสาบ แวะชมการจับปลาที่ยากจะมีใครเลียนแบบได้

ก่อนจะมุ่งหน้าสู่ วัดผ่องด่ออู่ ที่มีพระบัวเข็มอายุกว่า 1000 ปี ตั้งแต่สมัยพุกาม โดยองค์พระทำจากไม้ แต่เดิมรูปทรงเป็นทรงพระพุทธรูปปกติ ด้วยการปิดทองคำเปลวเป็นระยะเวลานานมากๆ ทำให้รูปทรงเปลี่ยนไป

ออกจากวัดแล้วมุ่งหน้าสู่ชุมชนที่ทอผ้าจากใยบัวคือชุมชนชาวอินคา ใช้การทอด้วยมือ และย้อมด้วยสีธรรมชาติ ส่วนราคานั้น ผ้าทอผืนนึงอยู่ที่ราวๆ 200 – 300 US หลังจากเยี่ยมชมหมู่บ้านทอผ้ากลางน้ำแล้วเราก็กลับมาขึ้นฝั่งเพื่อมุ่งหน้าไปยังเมืองน้ำจ๋าง ซึ่งอยู่ในรัฐฉาน

ในวันที่สามนี้เราได้นิสสัน นาวารา แบล็ค อิดิชั่น ใหม่ ที่มีกำลังเครื่องยนต์ 163 แรงม้า และแรงบิดกว่า 403 นิวตัน-เมตร  เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด การตกแต่งภายนอกด้วยโทนสีดำ และชุดแต่ง “สีดำ” ตั้งแต่กรอบไฟหน้าสีดำแบบ LED  กระจังหน้าสีดำ กรอบไฟตัดหมอกสีดำ กระจกมองข้าง และมือจับประตูสีดำ บันไดข้างสีดำ คิ้วล้อสีดำ กันชนหลังสีดำ และเสาอากาศแบบครีบฉลามสีดำ โดยด้านท้ายของรถนั้นมีการบรรทุกสัมภาระและอุปกรณ์ต่างๆของทีมงานไว้เต็มท้ายรถ

แต่นั้นไม่ใช่ปัญหาสำหรับการขับขี่เพราะพลังกำลังของเครื่องยนต์และช่วงล่างสามารถทำให้ขับขี่เส้นทางที่มีทั้งโค้ง และ ฝุ่นตลอดเส้นได้อย่างง่ายดาย ท้ายไม่มีปัดขณะเข้าโค้งที่เป็นทางฝุ่น ไต่เขาที่สูงชันได้แบบสบายๆ การถอยจอดก็สบายๆเพราะมีกล้องมองหลัง (Rear-View Camera) ช่วยเวลาถอย โดยวันนี้เราวิ่งกันกว่า 344 กิโลเมตร

วันที่สี่ของการเดินวันนี้ได้ขับ เอ็กซ์เทรล ใหม่ ที่มี 2 รุ่นที่เอามาในครั้งนี้คือเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 171 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 233 นิวตัน-เมตร และเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ไฮบริด ให้กำลังสูงสุด 144 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 200 นิวตัน-เมตร และมอเตอร์ไฟฟ้าที่เพิ่มกำลังสูงสุดอีก 41 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 160 นิวตัน-เมตร  โดยผมได้ขับตัว 2.5 ลิตร โฉมใหม่ ที่ปรับภายนอกรูปลักษณ์แข็งแกร่งขึ้น ซุ้มล้อใหญ่ขึ้น ฝากระโปรงโค้งมน กระจังหน้าตัววี กันชนท้ายใหม่ รับกับไฟท้ายแบบบูมเมอแรง ล้อขนาด 19 นิ้ว โดยคันนี้ถือเป็นรถที่ให้ผู้โดยสารนั่งอย่างสบาย  แถมยังมีหลังคาพาโนรามิกซันรูฟให้มาอีกด้วยเส้นทางวันนี้กว่า 300 กิโลเมตรแถมโค้งเยอะแต่ไม่เหนื่อยเท่าไรเพราะได้ขับ เอ็กซ์เทรล นั้นเอง ขับง่ายช่วงล่างดีนิ่มนวลแต่ไม่ย้วยขับสบายๆ

ระหว่างทางเราแวะพบปะเยี่ยมชมวิถีชีวิตชนเผ่าปะหล่อง ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยหนึ่งใน 56 กลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศจีน นอกจากนี้ยังมีชาวปะหล่องอาศัยอยู่ในประเทศพม่า และมีบางส่วนที่อพยพเข้ามาประเทศไทยบริเวณชายแดน ซึ่งจะสังเกตุเห็นหญิงชาวปะหล่องคาดเอวด้วยสายเข็มขัดเงินหลายๆ ชั้น นั่นบ่งบอกถึงฐานะทางบ้านของคนนั้นๆ

วันสุดท้ายของการเดินทาง เช้าเยี่ยมชมเมืองเชียงตุง เมืองเชียงตุงคนส่วนมากจะเป็นชาวไทใหญ่ และมีวัฒนธรรมคล้ายๆ ล้านนามาผสมกับศิลปะของพม่า จุดแรกเราแวะที่วัดพระธาตุจอมคำ

ก่อนเดินทางไปไหว้พระพุทธรูปองค์ใหญ่ยืนชี้นิ้วหันหน้าเข้าเมืองกันที่ วัดจอมสัก พระพุทธรูปปางพุทธทำนาย สำหรับประวัติวัดจอมสัก ชาวไทใหญ่เชื่อกันว่าหากพระพุทธยืนชี้นิ้วไปทางใดจะทำให้เมืองนั้นมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง (ประวัติ- วัดจอมสัก ตั้งอยู่เนินเขาอีกฝากหนึ่งของหนองตุง เป็นหนึ่งใน 3 จอม (จอม คือ เนินเขา เชียงตุงประกอบด้วย จอมคำ จอมมน และจอมสัก) มีพระยืนชี้นิ้วที่ใหญ่มี่สุด เป็นพระพุทธรูปศิลปะพม่า ถือเป็นจุดเด่นของเชียงตุงอีกแห่งหนึ่ง พระพุทธรูปยืนองค์ยักษ์ที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์เมืองเชียงตุง บริเวณฐานพระมีรูปปั้นแสดงพระพุทธประวัติและประวัติการนำพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้ามาประดิษฐานที่วัดแห่งนี้อีกด้วย

หลังจากเราแวะสักการะเป็นที่เรียบร้อยก็เดินทางกันต่ออีก 217 กม. เพื่อข้ามด่านท่าขี้เหล็ก ไปยังจังหวัดเชียงราย ระยะทางยังมีหุบเขาสลับโค้งไปมา แต่เป็นถนนที่มีการปรับปรุงแล้ว ถือว่าเป็นช่วงที่ขับได้สบายที่สุดในทริปนี้ก่อนจะข้ามกลับเข้าสู่ฝั่งไทย ถือว่าเป็นอันจบทริปในครั้งนี้

สรุปรถสามคันที่ได้ขับส่งท้ายก่อนจบบทความนครั้งนี้

คันแรกถ้าอยากได้ความสะดวกสบายของครบออปชั่นเยอะมาเต็มไม่เหนื่อยในการขับขี่ทริปนี้ต้องยกให้ นิสสัน เอ็กซ์เทรล ใหม่ ทั้งเครื่องยนต์ช่วงล่างไม่ต้องห่วง เร่งดีทันใจ ช่วงล่างนิ่มนวลไม่กระด้าง

คันที่สอง นาวารา แบล็คอิดิชั่น นั้นหากอยากสนุกเน้นลุยๆขับให้ท้ายปัดๆอารมณ์ดริฟท์หน่อย นาวารา แบล็คอิดิชั่น นั้นให้คุณได้แต่ช่วงล่างอาจจะกระเทือนไม่หน่อยสำหรับคนไม่คุ้นเคย ปีนป่ายเขาไม่มีปัญหาทางโค้งไม่ต้องกลัวหนับเอาอยู่

คันสุดท้ายนั้นคือเทอร์ร่า เป็นตัวขั้นกลางระหว่างสองคันที่กล่าวมาภายในกว้างขวางแต่ออกตัวอาจจะไม่ทันอกทันใจเพราะน้ำหนักตัวที่เยอะกว่า แต่พอปรับตัวได้ก็โอเคมีความอเนกประสงค์อยู่เยอะขับลุยได้เพราะช่วงล่างนั้นทนทานอยู่เบาะพับง่ายมาก

##################################################

 

 

premsak@caronline.net

 

 

Facebook Comments
Premsak Pianpanich

Recent Posts