ตลาดรถกระบะนั้นจะว่าไปก็มีการแข่งกันอย่างดุเดือดไม่มีใครยอมใครกันง่ายๆ เพราะส่วนแบ่งของตลาดรถโดยรวมนั้นเกินครึ่งมาจากรถกระบะแม้ว่าช่วงที่ผ่านมารถเก๋งจะมีส่วนแบ่งเพิ่มมากขึ้นก็ตาม จนสัดส่วนเริ่มชิดใกล้เข้ามาเป็น 50:50 แต่เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมามีการเปิดตัวรถกระบะใหม่ประจวบเหมาะกับสภาวะน้ำท่วมเข้ามาด้วยแล้วทำให้เชื่อได้ว่าตลาดรถกระบะนั้นจะกลับและมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น60:40
ที่เล่าให้ฟังนั้นเพียงแค่อยากให้ท่านผู้อ่านนั้นได้รับรู้ข้อมูลตลาดรถกระบะนั้นมีการแข่งขันสูงมากทำให้ตลาดรถกระบะนั้นไม่สามารถอยู่นิ่งได้ไม่ว่าจะเป็นการอัดโปรโมชั่นหรือปรับปรุงเสริมแต่งอุปกรณ์เข้าไปในตัวรถ
ครั้งนี้ก็เช่นกันทางนิสสันก็ได้ส่งรถรุ่น นาวารา ที่ได้เสริมอุปกรณ์ใหม่ๆเข้ามากระตุ้นตลาดหรือที่พวกผมเรียกว่าแต่งหน้าทาปากเพิ่มโน้นนั่นนี่โน้นโดยใช้ชื่อว่านาวารา แกรนด์ ไททาเนียม และนาวารา สปอร์ต เวอร์ชั่นใหม่เมื่อปลายปีที่ผ่านมาโดยทั้ง 2 รุ่นเป็นการปรับโฉมใหม่ให้กับนาวารา เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าที่มองหากระบะรูปลักษณ์แบบสวยแกร่ง และแบบสปอร์ต
นิสสัน นาวารา รุ่น แกรนด์ ไททาเนียม ที่มาในรุ่น ยกสูงคาลิเบอร์ทั้งในรุ่นคิงแค็บ และดับเบิ้ลแค็บ เสริมความแข็งแกร่งด้วยชุดแต่ง สีไททาเนียม ทั้งกระจังหน้า การ์ดกันชนหน้า กันชนหลัง กระจกมองข้าง มือจับเปิดประตู พร้อมล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่
ส่วนนาวารา รุ่น สปอร์ต เวอร์ชั่น ได้รับการแปลงโฉมทั้งในรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ และขับเคลื่อนสองล้อแบบยกสูง คาลิเบอร์ ด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ทรง V-SHAPE ขนาดใหญ่ และกันชนหน้าสไตล์สปอร์ต พร้อมกับล้ออัลลอยดีไซน์พิเศษเฉพาะรุ่น
ทั้ง 2 รุ่น ยังมากับอุปกรณ์ใหม่ ไม่ว่าจะเป็น ไฟเลี้ยว LED ใหม่ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ให้คุณเพลิดเพลินตลอดเส้นทางกับปุ่มปรับเครื่องเสียงที่ควบคุมง่ายจากปลายนิ้ว พร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) เพิ่มความสะดวกสบายยิ่งขึ้น เครื่องเล่นดีวีดีใหม่ ที่มาพร้อมระบบสัมผัส และไมโครโฟนที่รองรับระบบบลูทูธ รวมทั้งกล้องมองหลังขณะถอยจอด พร้อมเส้นกะระยะ
สำหรับเส้นทางในการขับขี่ครั้งนี้ นิสสันได้เลือกพาสื่อมวลชนมุ่งหน้าสู่ลาวใต้ ซึ่งสภาพถนนนั้นมีทั้งไฮเวย์ 4 เลน และแบบ2เลนสวนกันอีก ทั้งยังเจอแบบออฟโรดอีกด้วยเรียกว่าทั้งถนนปูน ดินดำและทางฝุ่น ครบสูตรกันเลยทีเดียว
รถที่ได้ลองขับนั้นมีทั้งเกียร์ธรรมดา และเกียร์อัตโนมัติ ที่เป็นแบบ 6 จังหวะเช่นเดียวกันการเดินทางครั้งนี้ ผมอยากจะบอกว่าเป็นการขับขี่กึ่งๆกับการท่องเที่ยวไม่อยากเรียกว่าเป็นการทดสอบหรือทดลองขับจะดีกว่าเพราะการขับนั้น คณะของเราขับกันเป็นขบวนในรูปแบบของคาราวานซะมากกว่า
ช่วงแรกนั้นเราเดินทางออกจากจังหวัดอุบลราชธานีมุ่งหน้าสู่ชายแดนไทย-ลาว ที่ช่องเม็กสภาพถนนนั้นช่วงที่อยู่ในไทยนั้นดีเกินคาดหมายที่บอกแบบนี้เพราะเส้นทางนี้ผมเคยใช้มาก่อนเมื่อเกือบ10ปีมาแล้ว ณ วันนี้มันเปลี่ยนไปมากเลยแบบไม่เหลือเค้าเดิมอยู่เลย
เมื่อผ่านพิธีการเข้าเมืองแล้วเราก็ข้ามแดนมาสู่ประเทศลาวถนนนั้นเหลือเพียงสองเลนสวนกันพร้อมกับผู้ร่วมใช้ทางที่มีทั้งรถยนต์จากฝั่งไทยที่เป็นพวงมาลัยขวา แต่ที่ลาวนั้นเป็นการขับแบบพวงมาลัยซ้ายและนอกจากรถยนต์แล้วยังมีรถจักรยานยนต์ รถขนการเกษตรจำพวกรถไถ รถอีแต๋น แถมยังสัตวเลี้ยงไม่ว่าจะเป็น วัว ควาย แพะ ที่ใช้ถนนร่วมกับเรา เสียงวิทยุสื่อสารก็ดังอยู่ตลอดแจ้งให้ใช้ความระมัดระวังตอนนี้แซงได้ หรือให้หลบเข้า ข้างหน้าเบรก เสียง วอ ก็ดังตลอดเวลา
จุดหมายแรกของคณะนั้นได้สัมผัสความงดงามของมหานทีที่ยิ่งใหญ่ จนได้รับขนานนามว่าเป็น ไนเองการ่าแห่งทวีปเอเชียนั้นคือน้ำตกคอนพะเพง ความแรงของน้ำบวกกับแก่งหินที่มาบรรจบกันทำให้เกิดความสวยงานของธรรมชาติใช้เวลากันพอเหมาะเราเดินทางกันต่อ
ออกจากคอนพะเพงมุ่งหน้าไปขึ้นแพขนานยนต์เพื่อเยี่ยมชมปราสาทหินวัดพู แหล่งอารยธรรมที่จัดเป็นหนึ่งในมรดกโลก ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ มีความเก่าแก่โบราณของอาณาจักรขอมถึง 3 สมัย และแวะชมความงดงามของเมืองเก่า อย่าง นครจำปาสัก ที่เคยเป็นแหล่งชุมชนชาวฝรั่งเศส ในสมัยที่เข้ามาปกครองประเทศ การมาเยี่ยมชมนี้ถือเป็นการมาครั้งที่สองของผมมีความแตกต่างจากครั้งแรกเมื่อก่อนนี้สามารถขับรถมาจอดได้ถึงช่วงขึ้นปราสาทแต่เดี๋ยวนี้นั้นต้องจอดรถไว้ด้านนอกแล้วนั่งรถกอล์ฟเข้ามา ซึ่งขณะนี้มีการบูรณะกันอยู่ได้ความร่วมมือทั้งจาก อินเดียและอิตาลี
ภาระกิจสุดท้ายสำหรับวันนี้คือมุ่งหน้าเข้าสู่โรงแรมที่พักของเราวันแรกนั้นอารมณ์ก็ยังชิวชิวขับกันแบบสบายๆเพราะคันที่ได้ขับนั้นเป็นเกียร์อัตโนมัติเหยียบเป็นมาไม่มีอาการรอรอบแล้วยิ่งขับเป็นคาราวานยิ่งสบายไปใหญ่เลยกับระยะทาง 438 กิโลเมตรในวันแรก
เช้าวันที่สองนั้นมีการสลับรถกันมาคราวนี้เปลี่ยนเป็นเกียร์ธรรมดาบ้าง คณะของเรามุ่งหน้าไปยังน้ำตกตาดเฮือน แถบที่ราบสูงโบราแวน ซึ่งความสูงของน้ำตกนั้นสูงมากเวลาที่จะเข้าไปชมนั้นสมัยก่อนเรียกว่าแทบจะตกปีนหน้าผาลงไป แต่ปัจจุบันนี้มีการพัฒนาทำเป็นบันไดแล้วแต่ทางก็ยังชันอยู่ดีต้องใช้ความระมัดระวังกันหน่อย
ออกจากน้ำตกตาดเฮือนมุ่งสู่น้ำตกผาส้วมรับประทานอาหารเที่ยงกันซึ่งที่นี่มีเจ้าของเป็นคนไทยนอกจากเป็นร้านอาหารแล้วยังเป็นรีสอร์ทอีกด้วย
จุดสุดท้ายที่เราแวะเยี่ยมชมในครั้งนี้คือโรงงานกาแฟดาวที่มีชื่อเสียงระดับโลกเลยเข้าไปดูการเลือกรับซื้อเมล็ดกาแฟจากชาวบ้านและมีวิธีการคัดเมล็ดกาแฟยังไงก่อนที่จะผ่านกระบวนการต่างๆและกลายมาเป็นกาแฟสำเร็จรูป
ช่วงเวลา 2 วันกับระยะทางทั้งหมดกว่า 600 กิโลเมตรที่ผ่านถนนในรูปแบบต่างๆหรือแม้สภาพอากาศที่ร้อนมากแถมยังเจอฝนเข้าไปอีกในบางช่วง นิสสัน นาวารา ก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ที่ให้อัตราเร่งที่ดี ระบบเบรกที่ไว้ใจได้แม้จะต้องเบรกอย่างกระทันหันเพราะควายเผือกข้ามถนน ระบบปรับอากาศที่แอร์เย็นฉ่ำตลอดการเดินทาง และน้ำมันหนึ่งถังนั้นยังเหลืออยู่แม้ว่าจะใช้ความเร็วกันค่อนข้างสูง
หากสนใจก็เดินเข้าโชว์รูมนิสสัน ทั่วประเทศ นิสสัน นาวารา แกรนด์ ไททาเนียม มีให้เลือกทั้งหมดถึง 6 รุ่น และสำหรับนิสสัน นาวารา สปอร์ต เวอร์ชั่น มีให้เลือกทั้งหมด 7 รุ่น
##########################################################################
premsak@caronline.net
“ไพรม์มัส พัทยา…
บริษัท โตโยต้า …