แม้ว่าจะเปิดตัวกันมาพักใหญ่แล้วกับรถรุ่นเล็กสุดที่จำหน่ายอยู่ในตอนนี้ แต่ก็มีการปรับโฉมเพิ่มออปชั่นมาตลอด ครั้งนี้ก็เช่นกัน ทาง มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จึงได้จัดกิจกรรมทดสอบรถยนต์อีโคคาร์โฉมใหม่ แอททราจ รุ่นใหม่ ด้วยแนวคิด “เหนือกว่าทุกความเป็นไปได้” และ “มิราจ รุ่นใหม่” ด้วยแนวคิด “ปลุกความเร้าใจไปให้สุด” พร้อมเชิญสื่อมวลชนร่วมสัมผัสสมรรถนะของรถทั้ง 2 รุ่น บนเส้นทางกรุงเทพฯ – ระยอง รวมระยะทางไป-กลับกว่า 350 กิโลเมตร
เรามาดูถึงความเปลี่ยนแปลงของรถกันก่อน การออกแบบภายนอกมีการออกแบบ กันชนหลังและไฟท้ายแบบใหม่ ใน มิตซูบิชิ แอททราจ รุ่นใหม่ และ ชุดไฟตกแต่งแบบ LED บริเวณกันชนหน้า ใน “มิตซูบิชิ มิราจ รุ่นใหม่
ส่วนภายในห้องโดยสารของ “มิตซูบิชิ แอททราจ รุ่นใหม่” และ “มิตซูบิชิ มิราจ รุ่นใหม่” ในรุ่น GLS-LTD เพิ่มความสปอร์ตด้วย เบาะหนังเดินด้ายแดง พร้อมพวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนัง
เส้นทางที่เราใช้กันนั้นเริ่มจาก ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ มุ่งหน้าสู่ สวนละไม จังหวัดระยอง ช่วงแรกนั้นรับหน้าที่เป็นผู้โดยสารก่อน พาตัวเข้ามานั่งฝั่งหลังคนขับ ภายนอกตัวรถนั้นดูจะคันเล็กไปซะหน่อยแต่เมื่อมานั่งแล้วก็ถึงกับอึดอัด นั่งได้พอตัวหลวมๆ เมื่อเริ่มเดินทางนั้นแน่นอนสภาพการจราจรอันหนาแน่นของเมืองกรุงรถราเยอะก็ถือเป็นเรื่องปกติ แต่ มิราจนั้นให้ความคล่องตัวอย่างเห็นได้ชัด ใช้เวลาซักพักก็ผ่านการจราจรในตัวเมืองออกมาสู่ มอเตอร์เวย์ ก็เริ่มทำความเร็วกันได้ รถเล็กๆนั้นการกระเทือนก็ต้องมีบ้างแต่ไม่มากนัก
ขับมาจนถึงจุดพักแรกก็ทำการเปลี่ยนตำแหน่งรับหน้าที่เป็นคนขับบ้าง มิราจ และ แอทราจนั้นใช้เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ DOHC MIVEC 12 วาล์ว 1,200 ซีซี 78 แรงม้า แรงบิด 10.2 กก.-ม. รองรับ E20 กับเกียร์อัตโนมัติ CVT อัตราเร่งอาจจะไม่รวดเร็วทันใจ แต่ไปได้เรื่อยๆ ช่วงล่างและพวงมาลัยให้ความรู้สึกที่ดี ไม่เบาเกินไป เบรกนั้นอาจจะลึกไปหน่อยต้องกะดีๆแต่หากขับเป็นประจำแล้วคงไม่มีปัญหา ขับเรื่อยๆ ที่ความเร็ว 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้รอบต่ำประมาณ 1,800-2,000 รอบต่อนาที ไม่สูงมาก แอบส่องดูอัตราสิ้นเปลืองที่หน้าจอเฉลี่ย อยู่ที่เกือบๆ 22 กิโลเมตรต่อลิตร
สิ่งอำนวยความสะดวกที่เพิ่มมาให้คือ Apple CarPlay ที่รองรับกับ Iphone เล่นเพลงที่อยู่ในมือถือได้อย่างง่ายดาย และยังมี ครูซคอลโทรลบนพวงมาลัยมาให้อีกด้วย เสียดายมีช่องเสียบ USB แค่เพียงช่องเดียวเท่านั้น
ระบบความปลอดภัยนั้นมีให้ทั้ง ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ระบบป้องกันการลื่นไถล เข็มขัดนิรภัยเบาะหลังแบบ ELR 3 จุด 3 ตำแหน่ง จุดยึดเบาะเด็ก ISOFIX 2 ตำแหน่ง และระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยด้านคนขับ ซึ่งติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกคัน
แถมด้วยอุปกรณ์ความปลอดภัยเชิงป้องกันก่อนเกิดเหตุ นั้นคือระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (ที่ความเร็วต่ำ) และระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะ เมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็วเฉพาะด้านหน้า ซึ่งติดตั้งเป็นครั้งแรกในรถยนต์ระดับเดียวกัน
ใช้เวลาพักใหญ่ก็มาถึงสวนละไม ช่วงก่อนเข้าสวนนั้นก็ได้สนุกกับการเล่นโค้งเล็กน้อย การยึดเกาะของรถทำได้ดีเหมาะกับตัวรถ มีอาการโยนตัวให้พอรู้สึก อัตราการเร่งแซงนั้นต้องเข้าใจก่อนว่ารถนั้นไม่ใช่รถสรรมถนะสูงการแซงต้องกะจังหวะกันหน่อย แต่เมื่อคุ้นชินกับรถแล้วก็ไม่น่ามีปัญหา
ขากลับนั้นกลับมารับหน้าที่เป็นผู้โดยสารบ้าง ขับย้อนทางเดิมขึ้นทางด่วนลอยฟ้า ช่วงเย็นนั้นฝนฟ้าเริ่มตั้งเค้า ฟ้าครึ้มมืดลมแรงกว่าขาไป ขับความเร็ว 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รถเริ่มมีอาการเซ การกระแสลม จนต้องลดความเร็วลงเหลือ 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จนถึงปลายทางก่อนฝนจะเทลงมา
สำหรับผู้ที่สนใจรถยนต์ซิตี้คาร์ทั้ง 2 รุ่น ทั้ง “มิตซูบิชิ แอททราจ รุ่นใหม่” และ “มิตซูบิชิ มิราจ รุ่นใหม่” สามารถเยี่ยมชมได้ที่ตัวแทนจำหน่ายของมิตซูบิชิอย่างเป็นทางการที่มีมากกว่า 200 แห่งทั่วประเทศ พร้อมพบกับโปรโมชั่นที่มีเพียงมิตซูบิชิ ที่กล้าให้ด้วยข้อเสนอ “แพ็คเกจ 3553” ที่ให้ทั้งประกันภัยชั้น 1 ฟรี 3 ปี ฟรีการรับประกันคุณภาพรถยนต์ นาน 5 ปี พร้อมฟรีค่าแรงการเช็คระยะ นาน 5 ปี และบริการช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง เป็นเวลานาน 3 ปี สำหรับผู้ซื้อรถยนต์ “มิตซูบิชิ แอททราจ รุ่นใหม่” และ “มิตซูบิชิ มิราจ รุ่นใหม่” ทุกรุ่น
premsak@caronline.net
บริษัท โตโยต้า …
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…
บริษัท มิตซูบิช…