ไม่บ่อยนักที่จะได้มีโอกาสขับรถสปอร์ต มาครั้งนี้ทางมาสด้าได้จัดการทดสอบ Sport Roadster ที่ขายดีที่สุดในโลกนั้นก็คือ มาสด้า MX-5 ถึงแม้จะถูกมองว่าเป็นรถปอร์ตคันเล็กๆ แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนประทับใจกับรถคันนี้คือ ความสนุกที่ได้จากการขับขี่และการสัมผัสที่ได้จาก MX-5 คันนี้ และรถคันนี้ยังเปรียบเสมือนตัวตนของมาสด้าที่อยากถ่ายทอดออกมาจากอารมณ์ในความเป็นมาสด้า MX-5คันนี้ออกมาสู่ตลาดเป็นเจเนอเรชั่นที่ 4 แล้ว และกลายเป็น รถรุ่นหนึ่งที่ทำตลาดมายาวนานที่สุด เราทำการทดสอบในครั้งนี้บนเส้นทางที่เหมาะสมกับตัวรถ นั่นก็คือเส้นทางในเขาใหญ่ ซึ่งมีทางคดเคี้ยวมากมายและธรรมชาติสวยงามเหมาะกับการขับ แบบเปิดประทุน กินลมชมวิวอย่างแท้จริง
รูปลักษณ์นั้นยังคงออกแบบตาม KUDO Design ดีไซน์ ที่เน้นเส้นสายแสดงความความเป็นเอกลักษณ์ของมาสด้า ทุกอย่างลงตัวด้วยความสวยเฉียบคม และมีจิตวิญญาณการเคลื่อนไหวแบบเสือชีต้าร์ ไฟหน้าเป็นแบบ LED รับกับกันชนและแก้มด้านข้าง และเส้นสายที่ลากมาถึงกลางลำตัวและยาวไปถึงด้านท้าย มีการขยายของซุ้มล้อด้านหลัง เพิ่มความเป็นสปอร์ตของรถ ไฟเบรกด้านหลังเป็น LED U Shape ทรงกลม ชุดล้อลาย 8 ก้านขอบ 17 นิ้ว พร้อมยาง 205/45/R17
ตัวถังของ MX-5 รุ่นใหม่มีน้ำหนักลดลง เบากว่ารุ่นก่อนหน้า ในขณะที่รักษาความปลอดภัยการชนความแข็งแกร่ง และความเงียบ อยู่ในระดับดีเยี่ยม
นอกจากการสร้างเฟรมที่ตรงและอย่างต่อเนื่องและหาความเหมาะสมของหน้าตัดชิ้นส่วนเฟรม การสร้างโครงสร้างเส้นทางรับหลายแรงที่ใช้ชิ้นส่วนขวางในระบบรองรับช่วยน้ำหนักในขณะที่ยังคงรักษาความแข็งแกร่งและความแข้งแรงของโครงสร้าง
เฟรมหลักชิ้นบนที่ถูกใส่ในโมเดลก่อนหน้านี้ได้รับการเสริมความแข็งแกร่งเพิ่มเติมและหน้าตัดของชิ้นส่วนได้ถูกเพิ่มขนาดให้ใหญ่หน้าตัดรูปกากบาทที่ถูกนำมาใช้เป็นชิ้นส่วนเฟรมด้านหน้าและทรงกระบอกกันกระแทก และหน้าตัดหมวกคู่สำหรับเฟรมข้างด้านหลัง ทำให้สามารถลดความหนาแผ่นโลหะลงได้
ดังนั้นเป้าหมายแรกของมาสด้าในการออกแบบก็คือทำอย่างไรให้ได้สัดส่วนรถที่สวยงามลงตัว ส่งเสริมให้ผู้ที่ขับขี่ดูโดดเด่นและสง่างาม เหมาะสมต่อความยิ่งใหญ่และประวัติศาสตร์อันยาวนานของมาสด้าโรดสเตอร์ ในประเทศญี่ปุ่น รูปทรงพื้นฐานของมาสด้า MX-5 นั้นคือการส่งเสริมให้ผู้ขับขี่โดดเด่นเมื่อมองจากมุมบนและเปิดกระจกหน้าต่างลง ดังนั้น นักออกแบบและวิศวกรภายใต้โครงการนี้จึงทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อตรวจสอบองค์ประกอบต่างๆ ที่สัมพันธ์กับการวางที่นั่งช่วยให้ผู้ขับทิ้งน้ำหนักลงที่กึ่งกลางของร่างกายพอดี ทีมงานได้ออกแบบให้ห้องโดยสารเลื่อนไปด้านท้ายมากขึ้นเพื่อให้พอดีกับตำแหน่งศีรษะของผู้ขับ และตำแหน่งสะโพก ของที่เบาะที่อยู่ต่ำลงให้เหมาะกับดีไซน์ใหม่ของรถที่เน้นจุดศูนย์กลางต่ำ ด้วยการใส่ใจในทุกรายละเอียดให้ห้องโดยสารเป็นไปตามหลักการออกแบบรถสปอร์ตน้ำหนักเบาที่คำนึงถึงศูนย์กลาง เน้นดีไซน์ที่สวยงามเป็นพิเศษเมื่อเปิดประทุน เน้นตำแหน่งที่นั่งของผู้ขับและได้สัดส่วนอันสวยงามที่สะท้อนถึงความพึงพอใจและความอิ่มเอมใจที่ได้ขับรถมาสด้า MX-5
การตกแต่งภายในนั้นทันทีที่ผมได้หย่อนตัวใหญ่ๆ ลงไปที่เบาะนั่งที่มีการออกแบบโครงสร้างแบบ S-Fit แทนที่จะเป็นแบบ bucket Seat ที่เราคุ้นเคย แต่แบบใหม่นั้นมีความสบายกว่าเวลานั่งขับ คือไม่เมื่อย และรู้สึกกระชับแต่ไม่อึดอัด ภายในนั้นดูสปอร์ตมากขึ้น มีการเดินเส้นด้ายกับวัสดุต่างๆ ภายในดูหรูหราขึ้นและที่ย้ำมาอย่างสำคัญคือ จุดที่เป็นโลหะนั้น จะใช้วัสดุโลหะจริงๆ ไม่ใช่พลาสติกชุบหรืออื่นๆ อันนี้ก็เพื่อความแตกต่างและให้ความรู้สึกหรูของห้องโดยสาร ตลอดเส้นทางก็เพลินด้วยเครื่องเสียง Bose ที่มาพร้อมลำโพงให้มากถึง 9 จุด 4 ตัวที่ถูกฝังไว้หัวเบาะทั้งสองข้าง ทำงานควบคู่ไปกับระบบ MZD CONNECT ที่ทำให้การควบคุมการติดต่อสื่อสารนั้นง่ายดายขึ้น
เครื่องยนต์ของตัว MX-5 นี้ หากมองเผินๆ อาจจะดูเฉยๆ ไม่น่าสนใจ เนื่องจากเป็นเครื่องยนต์เป็นบล็อคเดียวกับ มาสด้า3 แต่มีการปรับจูนให้แรงขึ้น แม้ตามสเปคจะดูมีแรงม้าค่อนข้างน้อย ซึ่งอาจจะดูสวนทางกับตัวรถไปสักหน่อย แต่ทว่าความเป็นจริงของเครื่องยนต์ตัวนี้ไม่ได้เน้นเรื่องแรงอย่างเดียว หากแต่เน้นเรื่องความลงตัวทั้งเรื่องของการประหยัด น้ำหนักเหมาะสมกับตัวรถ แรงม้าและแรงบิดให้พอขับได้สนุกตามสไตล์ของมาสด้าที่ตั้งใจเอาไว้ น้ำหนักเสื้อสูบของเครื่องยนต์ ลดลงเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์MZR 2.0 ในรุ่นก่อนหน้านี้ ลดลงประมาณ 8 กิโลกรัม สำหรับเครื่องยนต์ Skyactiv –G 2.0
ซึ่งมีการออกแบบให้ความหนาของวัสดุและรูปทรงของโครงเสื้อสูบถูกปรับให้เหมะสม รูปร่างจำเพาะถูกนำมาใช้สำหรับถ่วงเพลาข้อเหวี่ยงเพื่อให้ทำงานได้อย่างเหมาะสมเครื่องยนต์Skyactiv –G 2.0 แบบแถวเรียง4สูบ 16 วาล์ว ปริมาตรกระบอกสูบ 1998 ซีซี เส้นผ่าศูนย์กลางกระบอกสูบ * ระยะชัก 85.5*91.2 อัตราส่วนการอัด 13.0:1 กำลังสูงสุด 160แรงม้า ที่ 6,000รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 200นิวตันเมตร ที่ 4,600 รอบต่อนาที
ความต้านทานในระบบไอดีและระบบไอเสียลดลง จากท่ออากาศบริสุทธิ์ผ่านหม้อพักไอเสีย ระบบไอดี และไอเสียใหม่ได้ถูกพัฒนาขึ้นเฉพาะ MX-5 เจเนอเรชั่นใหม่ ความพยายามทั้งหมดคือการสร้างให้มีน้ำหนักเบา การออกแบบที่กะทัดรัดมากขึ้น ลดแรงต้านทานการไหลของอากาศและดึงศักยภาพทั้งหมดของสมรรถนะของเครื่องยนต์ออกมา
ระบบไอดีประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนักลงประมาณ 30% เทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้
ท่อนำอากาศใหม่ถูกรวมอยู่ในท่ออากาศบริสุทธิ์ใช้อากาศที่เป่ามาจากพัดลมไฟฟ้าเพื่อเอาความร้อนออกจากไอเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องเพิ่มชิ้นส่วนปริมาณ อันเดอร์สเตียร์ ทำให้ทราบถึงคุณลักษณะในการครบคุมที่เป็นเลิศเมื่อเลี้ยวโค้งเสถียรภาพดีขึ้นเมื่อเบรก ระบบรองรับด้านหน้าใช้ค่าออฟเชตของมุมคิงพิงที่เป็นลบ สร้างคุณลักษณะที่ช่วยให้การปรับปรุงการหมุนพวงมาลัยได้ละเอียดในทิศของการเคลื่อนที่ รักษาพฤติกรรมเมื่อรถเบรก แม้จะอยู่ในสถานการณ์เมื่อ ค่าสัมประสิทธ์ความเสียดทานผิวสัมผัสสำหรับด้านซ้ายและด้านขวาของล้อที่เบรกแตกต่างกันและมีแนวโน้มที่รถจะหมุนใดๆสิ่งนี้ป้องกันประสิทธิภาพในการดูดไอดีลดลงเนื่องจากความร้อน
โครงสร้างของท่อร่วมไอเสีย 4-2-1 ได้รับการออกแบบใหม่สำหรับ MX-5 ในรูปแบบของรถขับเคลื่อนล้อหลังและความยาวโดยรวมของระบบไอเสียได้ถูกออกแบบอย่างเหมาะสม การทำให้คลื่นความดันจากการเผาไหม้มีความสมดุลทำให้ได้แรงบิดในอุดมคติ ขณะที่ยังช่วยเน้นปริมาณไอเสียที่รอบเครื่องยนต์ต่ำ
เฟืองท้ายได้ถูกพัฒนาขึ้นใหม่ให้มีขนาดกะทัดรัดมากขึ้นเป็นผลมาจากการเปลี่ยนเฟืองวงแหวนตัวใหญ่สำหรับเกียร์ 6 ที่เป็นแบบขับตรง และการปรับขนาดเฟืองวงแหวนตัวใหญ่ให้รองรับปริมาณแรงแรงบิดที่ผลิตได้ การวิเคราะห์ด้วย คอมพิวเตอร์ช่วยในงานวิศวกรรม ถูกนำมาใช้เพื่อลดความหนาของเปลือกของเฟืองท้าย ซึ่งในรุ่นนี้ใช้วัสดุเป็นอลูมิเนียม ในขณะที่ยังคงความแข็งแรงและคุณลักษณะสมรรถนะของ NVH นอกจากนี้ เฟืองท้ายของรถเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ยังช่วยลดน้ำหนักลงได้โดยประมาณ 7 กิโลกรัม
ช่วงล่างมีการปรับปรุงใหม่แต่ยังคงใช้ปีกนกสองชั้นสำหรับระบบรองรับด้านหน้าเหมือนทุกรุ่นก่อนหน้า ระบบรองรับใหม่ได้รับการพัฒนาสำหรับ MX-5 เจเนอเรชั่นใหม่มาพร้อมกับเป้าหมายของการสร้างระบบที่แข็งแกร่งสูงและน้ำหนักเบา ความพยายามมุ่งไปสู่การหาลักษณะรูปทรงเรขาคณิตที่สามารถเลี้ยวเข้าโค้งอย่างเหมาะสมและเสถียรเมื่อเบรกในโค้ง ในส่วนของด้านหลังก็ยังเป็นแบบมัลติลิงค์เช่นเดียวกับรุ่นก่อนหน้านี้ แต่ก็ได้มีการพัฒนาและปรับแต่งนิดหน่อยให้เข้ากับโครงสร้างของตัวรถในรุ่นนี้ ซึ่งก็จะได้ผลของการขับขี่ดังนี้ความสามารถในการเลี้ยวเข้าโค้งที่ดีขึ้น : มุมคาสเตอร์ของระบบรองรับด้านหน้าได้เปลี่ยนไปเป็น 8 องศาจาก 7องศาของรุ่นก่อนหน้านี้ ผลกระทบของมุมแคมเบอร์ที่เป็นค่าลบเมื่อเลี้ยวโค้งปรับปรุงสัดส่วนและลด
หลังจากที่ทดลองขับแล้วพอจะสรุปได้ว่า มาสด้า MX-5 ใหม่นั้น ลงตัวที่สุดคือเรื่องสมดุลของน้ำหนักระหว่างตัวรถและผู้ขับขี่ ทำให้รถคันนี้ ขับสนุกมาก ซึ่งบางครั้งรถที่แรงอย่างเดียวก็ไม่ได้ทำให้ขับสนุกเสมอไปแต่คันนี้มันกลายเป็นรถสปอร์ตที่เกิดความลงตัวที่สุดในการสมดุลน้ำหนักแม้เครื่องยนต์จะไม่ได้แรงมาก แต่การกระจายน้ำหนักที่ดีส่งผลทำให้สามารถควบคุมตัวรถได้ง่าย ขับง่าย ใครๆ ก็ขับได้ไม่ยาก การเปลี่ยนเกียร์ในแต่ละจังหวะดีมีการเปลี่ยนนุ่มนวลต่อเนื่อง ช่วงล่างยังคงให้ความรู้สึกเป็นสปอร์ตในแบบที่ไม่กระด้าง ระบบเบรกมั่นใจได้ พวงมาลัยมีความแม่นยำ อัตราเร่งของเครื่องยนต์พอไหว ไม่หวือหวาแต่ก็ไม่น่าเกลียด เสียงเครื่องเร้าใจทุกครั้งที่กดคันเร่งมาในแบบฉบับของ ZOOMZOOM ในสมัยก่อนแสดงความเป็น Roadster ตามสไตล์ของมาสด้า ที่ต้องการใช้รถรุ่นนี้สื่อถึงความเป็นตัวตนที่แท้จริงนั่นเอง กับราคา 2,700,000 บาท กับรถที่อัดความเป็นสปอร์ตเต็มคันใครได้ขับแล้วผมเชื่อว่าต้องชอบแน่นอน
premsak@caronline.net
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…