ทดสอบการชน แบบดิจิตอล
ด้วยเทคโนโลยี ด้วยความก้าวหน้าของโลกดิจิตอลในปัจจุบัน ประเมินกันว่า ในอนาคตเราอาจไม่จำเป็นต้องใชการทดสอบการชนของรถยนต์ ด้วยการนำรถมาทำการชนจริงๆ ก็ได้ เพราะคอมพิวเตอร์ สามารถประมวลผลการชนพร้อมรายงานผลโดยละเอียดได้ดีกว่าหุ่นดัมมี่ ที่ใช้นั่งในรถที่ทำการชน
แม้ว่าเทคโนโลยีจะไม่ใช่ของใหม่ เพราะมีการนำเสนอมาในหลากรูปแบบแล้ว แต่การพัฒนาเพื่อให้ได้ผลโดยละเอียด ตามความต้องการของวิศวกร เพื่อนำผลนั้นไปประมวลอีกขั้นตอนหนึ่ง ยังไม่ได้ตามต้องการ ชมได้จากวิดีโอที่แนบท้ายนี้ ว่าการทดสอบการชนโดยใช้เทคโนโลยีใหม่นั้น ได้ผลอย่างไรบ้าง
แม้ว่าปัจจุบัน การทดสอบการชน ยังคงใช้รถยนต์ที่ประกอบเสร็จเรียบร้อยแล้ว นำมาเพื่อทำการทดสอบ แต่เทคโนโลยีที่จะใช้งานคอมพิวเตอร์ ทำงานในลัษณะเดียวกัน ยังคงพัฒนาตามความต้องการของวิศวกร เพื่อหาผลลัพธ์โดยละเอียด ชนิดรายงานออกมาเป็นเปเปอร์ได้ทันที โดยการพัฒนานี้ประเมินกันว่า แล้วเสร็จไปกว่า 90% แล้ว
ความต้องการผลจากการทดสอบ ทดแทนการนำรถยนต์จริงมาขับทดสอบชนกำแพง อาจเทียบได้กับความต้องการความปลอดภัยจากรถยนต์ ที่นำมาใช้ในชีวิตประจำวัน เพราะผลจากการทดสอบโดยใช้หุ่นดัมมี่นั่งไปในรถ แล้วเชื่อมเซ็นเซอร์ต่างๆ ที่อยู่ในตัวหุ่น กับเครื่องมือที่ต้องการวัดค่าแล้ว พบว่าสามารถใช้ค่าที่ต้องการจากเซ็นเซอร์บนตัวหุ่น ได้ราว 20 จุดบนร่างกายเท่านั้น แต่หากเป็นการใช้คอมพิวเตอร์ ผลที่ได้อาจลงลึกไปถึงข้อมูลภายในร่างกายของผู่นั่ง หรือผู้ขับขี่ ว่า หากกระแทกเข้ากับชิ้นส่วนใดๆ แล้ว จะเกิดอาการบาดเจ็บอย่างไร ต้องการการรักษาขนาดไหน จากผลของการชน ซึ่งอาจตั้งค่าคอมพิวเตอร์ ว่าร่างกายของผู้อยู่ในห้องโดยสาร จะรูปร่างเล็ก หรือใหญ่สักขนาดใดก็ได้
นอกเหนือจากการนำผลการชนจากของจริง นำมาใช้งานเพื่อพัฒนารถยนต์รุ่นนั้นๆ แล้ว ผลการชนจากคอมพิวเตอร์ สามารถนำไปใช้ในการออกแบบยานยนต์ได้ด้วย แม้ว่าจะเป็นเพียงชิ้นส่วนชิ้นเดียว หรือแม้แต่ปริมาณเชื้อเพลิงที่อยู่ในถังนำ้มันด้วย ที่คอมพิวเตอร์สามารถคำนวณออกมาได้โดยละเอียด
การทดสอบนี้สามารถนำมาใช้ในการทดสอบชิ้นส่วนเพียงชิ้นเดียว ที่จะต้องสัมผัสกับผู้นั่งหรือผู้ขับขี่อย่างแน่นอน ว่าจะสามารถปกป้องเพื่อความปลอดภัยได้ขนาดไหน และสามารถทำการทดสอบซำ้ไปซำ้มาได้ เมื่อทำการแก้ไขข้กบกพร่องแล้ว ตลอดเวลา โดยไม่ต้องใช้รถยนต์จริง
แม้ว่าการพัฒนารายละเอียดของคอมพิวเตอร์ เพื่อให้ได้ผลตามที่วิศวกรต้องการ ยังไม่เป็นที่เรียบร้อย ก็มีการเปรียบเทียบผลงานเดิม ที่เกิดจากการชนด้วยรถจริง และนำมาทดสอบด้วยคอมพิวเตอร์ ในลักษณะเดียวกัน ว่าจะสามารถรายงานผลได้ตามต้องการหรือไม่ โดยที่คอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน ที่จะสามารถรายงานผลที่เกิดขึ้นได้ ก็ต้องประมวลผลและใช้เวลามากกว่า 10 ชั่วโมง ในการทำงานอยู่
ก็ได้แต่หวังว่าการพัฒนาคอมพิวเตอร์ จะแล้วเสร็จตามต้องการโดยเร็ว ที่จะทำให้ไม่จำเป็นต้องใข้รถยนต์คันจริงมาทำการทดสอบการชนอีกต่อไป เพียงนำข้อมูลใส่เข้าไปในคอมพิวเตอร์ และระบุค่าความต้องการที่เกิดจากการชนเท่านั้น และให้คอมพิวเตอร์ทำงาน ที่น่าจะทำได้ในไม่นานเกินรอนี้