การเดินทางของผมก็เริ่มขึ้นมาอีกครั้งเมื่อได้รับมอบหมายให้ไปร่วมทดลองขับเจ้า CT200h หลังจากการเปิดตัวไม่นานในโรงแรมใจกลางกรุงและที่เดียวกันนี้เองมันยังเป็นจุดนัดพบเพื่อปล่อยรถคันนี้ที่โรงแรมเรเนซอง นัดกันช่วงสิบเอ็ดโมงเช้าเพื่อฟังข้อมูลต่างๆของตัวรถกันอีกที แบ่งรถแบ่งคนกว่าจะเสร็จก็ประมาณบ่ายโมงครึ่งถึงจะได้ขึ้นรถ
การขับในครั้งนี้นอกจากเจ้าตัว CT200h ซึ่งเป็นเจ้าของงานแล้วนั้นยังมีพี่น้องในตระกูลเล็กซัสอีกไม่ว่าจะ LS460 , IS250 ,RX350 , RX270 , GS300 ร่วมขบวนด้วย ลองทายกันเล่นๆนะครับว่าทั้งขบวนรถสิบกว่าคันนี้รวมแล้วราคาเท่าไร?
การขับในครั้งนี้แบ่งออกเป็นสี่ช่วงสองวัน ใช้เส้นทางกรุงเทพฯ-หัวหิน โดยช่วงแรกนั้นเริ่มจากโรงแรมเรเนซอง-ร้านกาแฟคนรักษ์สวนที่ราชบุรีแล้วเปลี่ยนคนขับ
ช่วงที่สองร้านกาแฟคนรักษ์สวน-โรงแรมเชอราตันหัวหิน
ช่วงที่สามโรงแรมเชอราตันหัวหิน-ร้านแดง สมุทรสงคราม
ช่วงที่สี่ร้านแดง-โรงแรมเรเนซอง
ซึ่งผมเองได้ขับในช่วงที่สามซึ่งเป็นขากลับจากหัวหินมุ่งร้านแดงที่สมุทรสงครามการทดลองขับในครั้งนี้เมื่อขึ้นรถก็สำรวจอุปกรณ์ต่างๆบนรถ
เบาะที่นั่งปรับไฟฟ้าในฝั่งคนขับและยังจดจำตำแหน่งที่นั่งได้ถึงสามแบบ แถมยังมีระบบอุ่นที่รองนั่งสำหรับผู้โดยสารคู่หน้า ซึ่งผมว่าไม่ค่อยน่าจะจำเป็นในเมืองร้อนของบ้านเราเท่าไรนัก เบาะนั่งไม่ได้ทำให้อึดอัดนั่งสบายใช้ได้
ระบบปรับอากาศนั้นสามารถแยกปรับอุณหภูมิซ้ายขวาได้เครื่องเสียงนั้นมากันถึง 6 ลำโพงกันเลย ในตัวที่ผมได้ลองเสียงนั้นที่ออกจากลำโพงนั้นจัดว่าใช้ได้อยู่ถ้าท่านไม่ใช่นักฟังระดับหูทองก็ไม่ต้องเปลี่ยน
หลังจากดูโน่นนั้นนี่แล้วก็ปรับเบาะให้เข้าที่เข้าทาง คาดเข็มขัดแล้วเราก็เริ่มออกเดินทาง โหมดการขับขี่ที่มีสามโหมดหรือจะสี่โหมดก็ไม่ผิดเพราะมี ECO/EV MODE ,NORMAL MODE และ SPORT MODEนั้นทำงานกันแตกต่างกันอย่างรู้สึกได้โดยในโหมด ECO/ NORMAL MODEจะเน้นในเรื่องการประหยัดน้ำมันขับแบบเรื่อยๆ การออกตัวก็ออกจะอืดๆหนืดๆอยู่ ส่วนในEV MODE จะเป็นการขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ส่วนระยะทางที่วิ่งได้นั้นขึ้นอยู่กับปริมาณไฟของแบตเตอรี่ว่ามีมากน้อยแค่ไหน
การเปลี่ยนโหมดในการขับขี่นั้นทำได้ง่ายๆแค่หมุนเลือกว่าจะเป็นแบบไหนเมื่อได้ลองทั้งสองโหมดแล้วรวมไปถึงEVด้วยแล้วลองนึกสนุกปรับมาเป็นแบบSPORTบ้างเมื่อหมุนปรับแล้วไฟหน้าจอก็จะเปลี่ยนสีกลายเป็นสีแดงแล้วก็จะมีวัดรอบแสดงขึ้นมาด้วยการขับขี่นั้นดีขึ้นผิดหูผิดตาการตอบสนองนั้นมาเร็วขึ้นขับสนุกขึ้นไม่ใช่แค่นั้นระบบความปลอดภัยต่างๆไม่ว่าจะเป็น ระบบ VSC TRC ABSก็จะทำงานเร็วขึ้นตามไปด้วยรวมถึงอัตราการตอบสนองของลิ้นควบคุมน้ำมันเพื่ออัตราเร่งที่เต็มประสิทธิภาพและยังมีการเพิ่มพลังงานแบตเตอรี่จาก 500เป็น 600 โวล์ตในทันที
ช่วงล่างนั้นได้มีการพัฒนาขึ้นใหม่โดยมีระบบกันสะเทือนหน้าแบบ L-arm MacPherson strutและระบบกันสะเทือนหลัง Double wishbone แยกอิสระพร้อมเหล็กกันโคลง และยังมีอุปกรณ์ที่คล้ายกับเหล็กค้ำโช้ค และมีตัวซับแรงสั่นสะเทือนที่วางอยู่ในแนวขวางติดตั้งอยู่ทั้งในตอนหน้าและตอนหลัง
ในการขับขี่เครื่องยนต์แบบไฮบริดที่ผสมผสานกันระหว่างเครื่องยนต์1.8ลิตรกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด650v 60kw ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติแบบ E-CVT ทำงานได้อย่างเรียบร้อยแบบผู้ดีในโหมดการขับขี่แบบปกติ แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นโหมดสปอร์ตเมื่อไหร่ แทบจะกลายเป็นรถคนละคันกันเลย อัตราเร่งการตอบสนองนั้นอาจจะไม่ทันใจสำหรับคนเท้าหนักหรือวัยรุ่นใจร้อน ระบบเบรกที่เคยเจอมาในแคมรี่ไฮบริดที่เบรกหัวทิ่มในการขับครั้งแรกมาคราวนี้ไม่แฮะใกล้เคียงกับเบรกรถปกติทั่วไป
Test Result : Lexus CT200h รอบเครื่องยนต์ที่ความเร็วต่างๆที่เกียร์ E-CVT (Sport Mode) km./h rpm. 60 1,300 80 1,500 90 1,750 100 1,900 120 2,200 140 2,800 160 3,100 รอบเครื่องยนต์สูงสุด 5,800 rpm. Acceleration (sec./m.) (Sport mode) (Normal Mode) (km./h) 0-40 3.75/22.20 3.99/20.23 0-60 6.55/61.39 6.09/55.28 0-80 10.07/130.37 9.31/118.15 0-100 14.70/246.72 13.61/226.31 0-120 20.9/437.14 19.14/396.02 0-140 29.83/761.36 27.23/690.05 อัตราเร่งแซง (sec./m.) (km./h) 40-60 2.9/37.24 7.94/42.54 40-80 5.81/98.34 6.61/111.47 40-100 10/203.61 11.21/226.96 40-120 15.65/377.33 17.17/410.1 Quarter Mile 0-402m. (sec./km./h.) 19.35@116.99 0-1,000m. (sec./km./h.) 35.79@149.47 Consumption (km./l.)
AVR. 17.8
สรุปส่งท้าย ct200h นั้นช่วงล่างใกล้เคียงกับสูสีกับรถยุโรปมาก อัตราเร่งนั้นก็ดูจากตัวเลขที่ได้เห็นกันแล้วบอกก่อนนะครับใช้เครื่องมือนะครับไม่ใช่นาฬิกาจับเวลาด้วย
การบังคับเลี้ยวการควบคุมเฉียบคมมากและไม่มีอาการหน้าไว น้ำหนักพวงมาลัยเซ็ตมาได้ดีมาก การเก็บเสียงเป็นอีกเรื่องที่ต้องออกปากชมเพราะการขับขี่ในขากลับนั้นฝนได้เทกระหน่ำมาแทบจะมอง ไม่เห็นทางกันเลยแต่เสียงฝนยังเล็ดลอดเข้ามาได้ไม่มาก
ถ้าอยากรู้ว่าผมพูดจริงรึเปล่าก็ต้องไปลองกันดูนะครับ ส่วนคู่แข่งของเขาถ้าจะเอากันตรงๆยังไม่มีรถในกลุ่มนี้แต่ถ้าจะเทียบก็จะพวก BMW X1 , AUDI A3 หรือแม้แต่MINIก็ว่าได้ ส่วนสนนราคานั้นเริ่มกันตั้งแต่ 2,190,000-2,690,000 บาท ถือว่าเป็นรุ่นเล็กสุดของเล็กซัส ราคาคงไม่ยากเกินมาจับจองเป็นเจ้าของกันนะครับ
###################################
เรื่อง premsak@caronline.net
ภาพ jo&lexus
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…