ทดลองขับ แบบประหยัดน้ำมันไปกับ มิตซูบิชิ มิราจ : MITSUBISHI MIRAGE ECO RUN
อีกครั้งกับการขับประหยัดน้ำมันเมื่อได้รับเกียรติจากทาง มิตซูบิชิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ให้เข้าร่วมในการแข่งขันขับประหยัดน้ำมันกับรถเล็กหรือ อีโค คาร์ ในรุ่นมิราจ น้องเล็กล่าสุดหลังจากการเปิดตัวที่สามารถทำยอดขายได้อย่างต่อเนื่องและนับว่ามีส่วนสำคัญที่ยอดขายโดยรวมของมิตซูบิชิเติบโตอย่างต่อเนื่องเฉพาะ มิราจ จากการเปิดตัวเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาจนถึงเดือนสิงหาคม 55 ก็มียอดจำหน่ายแล้วกว่า 13,000 คัน
การแข่งขันครั้งนี้มีรถทั้งหมด 8 คัน แบ่งรุ่นเกียร์อัตโนมัติ แบบ CVT 5คันและเกียร์ธรรมดาอีก 3 คันแบ่งการแข่งขันออกเป็นสองกลุ่มสองวันโดยวันแรกนั้นใหกลุ่มแรกขับจาก กรุงเทพมหานครมุ่งหน้าสู่ชุมพร ส่วนวันที่สองนั้นให้กลุ่มสองขับย้อนกลับมาจากชุมพรสู่กรุงเทพมหานครซึ่งผมนั้นอยู่ในกลุ่มที่สอง โดยผลการแข่งขันนั้นจะแยกเป็นสองวันตามที่ได้บอกไปโดยรถหนึ่งคันนั้นมีสองคนคือคนขับกับผู้โดยสารที่ทำหน้าที่เป็นเนวิเกเตอร์หรือผู้นำทางคอยดูแผนที่และบอกทางไปด้วย
เช่นเดิมครับครั้งนี้ผมยังร่วมเดินทางกับพี่กบ รชฏ สุวรรณรัตน์ จากรายการ โชว์รูมออนแอร์ ซึ่งครั้งนี้นั้นได้ขับในวันที่สองเป็นช่วงที่ขับกลับจากชุมพรเข้ากรุงเทพมหานคร โดยมีเงื่อนไขการขับขี่คือเติมลมยางให้อยู่ในระดับ 35 psi เท่ากันทั้งสี่ล้อ ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงแก๊สโซฮอล์ 91 เปิดเครื่องปรับอากาศตลอดเส้นทางการทดสอบ ขับด้วยความเร็วเฉลี่ยอย่างน้อย 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ในครั้งนี้ผมกับพี่กบจับฉลากได้รถเกียร์ธรรมดา การแข่งขันนั้นแบ่งออกเป็นสามช่วงเริ่งช่วงแรกจากปั้มน้ำมัน PTT ชุมพรเข้าไปจุดลงเวลาที่ร้าน ครัวอิสาน แถว ทับสะแก ระยะทาง 134 กม.ก่อนออกจากปั้มนั้นก็มีการเติมน้ำมันจนเต็มถังและมีการเช็คซีลต่างๆให้ครบถ้วนในช่วงนี้ทางทีมพีอาร์ของมิตซูบิชินั้นก็เดินมาบอกว่าเอาแบบชิวชิวนะไม่ต้องเครียดนะผมนั้นแค่อยากจะบอกว่าทุกครั้งที่แข่งทำตัวเลขนั้นจริงจังตลอดไม่ว่าจะยังไงเพราะอยากรู้ว่าตัวเองมีความสามารถแค่ไหน แค่ชนะตัวเองก็พอแล้ว ออกจากปั้ม ปตท.มุ่งหน้าร้าน ครัว อิสาน ช่วงนี้ถนนค่อนข้างโล่งรถยังไม่เยอะเท่าไรทำให้การขับขี่นั้นสบายหน่อยไม่เครียดมากแค่ค่อยๆปล่อยคลัทช์ให้เบาที่สุดและไม่ให้รถดับรวมไปถึงค่อยๆเติมคันเร่งเข้าไปเพื่อให้รถนั้นมีแรงและคอยดูรอบเครื่องไม่ให้สูงเกิน 2,500 รอบและเปลี่ยนเกียร์ในช่วงประมาณ 1,500-2,000จนไปถึงเกียร์ 5 อันเป็นเกียร์สุดท้ายมิฉะนั้นแล้วรถจะกินน้ำมัน อ้ออีกอย่างที่สามารถสังเกตได้ว่าเรานั้นขับประหยัดหรือไม่ให้ดูที่หน้าปัดถ้าไฟโชว์ ECO สีเขียวติดขึ้นก็แสดงว่าช่วงนั้นคุณขับได้ประหยัดน้ำมันอยู่
ช่วงที่สองระยะทาง 142 กม.ขับจากร้าน ครัวอิสาน มุ่งหน้าสู่จุดลงเวลาที่ PTT บายพาส (กม. 16 ) ชะอำ-หัวหินช่วงนี้รถเริ่มเยอะขึ้นแต่ก็ยังขับได้แบบไม่เครียดนักเพราะเป็นถนนสี่เลนแต่ก็มีบางช่วงที่มีซ่อมถนนทำให้เหลืออยู่เลนเดียวแต่ก็ผ่านมาได้ตามเวลาที่กำหนด
ช่วงสุดท้ายจาก PTT บายพาส (กม. 16 ) ชะอำ-หัวหิน สู่ PTT สมุทรสาครก่อนสนามเทพนครระยะทาง 123 กม.จุดสุดท้ายเมื่อมาถึงที่แล้วก็นำรถเข้าไปเติมน้ำมันเพื่อหาความสิ้นเปลืองน้ำมันซึ่งผลการแข่งขันของคันที่ผมทำได้คือวิ่งไปทั้งหมดเป็นระยะทาง 397 กม. เติมน้ำมันไป 8.93 ลิตร เฉลี่ยออกมาเป็น 44.456 กิโลเมตรต่อลิตร
สิ่งที่อยากจะบอกท่านผู้อ่านไว้ตรงนี้เหมือนเดิมครับกับคำถามว่าขับยังไงถึงได้ตัวเลขนี้ก็ต้องย้ำกันอีกทีง่ายๆว่าเท้าขวานั้นต้องเบาและนิ่งคอยคุมคันเร่งเอาไว้และใจนั้นต้องแข็งและมีความอดทนมีหลายครั้งในขณะขับก็อยากจะกดคันเร่งให้จมไปเหมือนกันเพราะปกติก็เท้าหนักเอาการอยู่มันอึดอัดครับแต่ก็ต้องข่มใจเอาไว้จนได้อัตราสิ้นเปลืองนี้ออกมา
ส่วนตัวเลขเฉลี่ยทั้งหมดนั้นเป็นดังนี้ครับ
มิตซูบิชิ มิราจ รุ่น GLS Ltd. เกียร์อัตโนมัติ CVT มีอัตราการบริโภคน้ำมันเฉลี่ยโดยรวมอยู่ที่ 33.997 กิโลเมตร/ลิตร
– เส้นทางกรุงเทพ – ชุมพร อัตราการบริโภคน้ำมันโดยเฉลี่ย 37.090 กิโลเมตร / ลิตร
– เส้นทางชุมพร – กรุงเทพ อัตราการบริโภคน้ำมันโดยเฉลี่ย 30.905 กิโลเมตร / ลิตร
มิตซูบิชิ มิราจรุ่น GLX เกียร์ธรรมดา มีอัตราการบริโภคน้ำมันเฉลี่ยโดยรวมอยู่ที่ 36.930 กิโลเมตร/ลิตร
– เส้นทางกรุงเทพ – ชุมพร อัตราการบริโภคน้ำมันโดยเฉลี่ย 37.723 กิโลเมตร / ลิตร
– เส้นทางชุมพร – กรุงเทพ อัตราการบริโภคน้ำมันโดยเฉลี่ย 36.138 กิโลเมตร / ลิตร
###########################################
เรื่อง premsak@caronline.net
ภาพ mitsubishi