ทดลองขับฟอร์ดเฟียสต้า : สิ่งเล็กๆที่เรียกว่า “FIESTA”
ผมได้รับเชิญให้ไปร่วมทดสอบรถยนต์รุ่นใหม่ของฟอร์ดที่หลายคนเฝ้ารอกันนั่นคือฟอร์ดเฟียสต้า โดยเดินทางออกจากบ้านในช่วงเช้ามืดของวันศุกร์ที่ผ่านมา นัดหมายกันตอนหกโมงเช้าที่สนามบินสุวรรณภูมิจุดหมายปลายทางของเรานั้นคือจังหวัดภูเก็ตหรือไข่มุกแห่งอันดามัน เมื่อไปถึงก็เจอพี่หนิงพีอาร์สาวสวยคอยตอนรับอยู่ เช็คอินเรียบร้อยเราก็เดินเข้าไปภายในเพื่อรอขึ้นเครื่องของสายการบินแอร์เอเชีย การเดินทางในครั้งนี้ไม่มีอุปสรรคใดมาขวางกั้นได้ เครื่องออกตรงเวลาแล้วไม่มีอะไรน่าหวาดเสียวแบบการเดินทางโดยเครื่องบินของผมในช่วงหลัง เครื่องร่อนลงจอดอย่างปลอดภัยแถมถึงก่อนกำหนดถึงยี่สิบนาทีเชียวนะครับท่าน ออกจากสนามบินมุ่งสู่โรงแรมเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการทดสอบ
เมื่อมาถึงโรงแรมตามธรรมเนียมครับเราก็ลงทะเบียนกันก่อนหลังจากนั้นเราก็เข้าไปนั่งไปฟังเรื่องราวต่างที่เกี่ยวกับตัวรถโดยทางทีมงานจากฟอร์ด
ทำให้ทราบถึงข้อมูลต่างๆทั้งในเรื่องของการออกแบบที่ต่อไปนี้จะใช้แบบ “Kinetic design” (คีเนติก ดีไซน์) โดยในแต่ละรุ่นก็จะมีเอกลักษณ์เฉพาะรุ่น
นอกจากนี้เหล็กที่นำมาใช้นั้นก็มีความแข็งแรงทนทานและมีน้ำหนักเบาซึ่งแต่ละจุดก็จะมีเหล็กแต่ละชนิดแตกต่างกันเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร
ระบบส่งกำลังนั้นแม้ว่าจะเป็นเกียร์พาวเวอร์ชิฟท์แบบ 6 สปีดเหมือนกับโฟกัส ดีเซล แต่ก็มีความแตกต่างกันคือในเฟียสต้านั้นมีน้าหนักเบากว่าและมีขนาดเล็กกว่าที่สำคัญเป็นระบบคลัทช์แห้งซึ่งในโฟกัสนั้นเป็นคลัทช์เปียกครับ
ในการออกแบบนั้นทางฟอร์ดในอาเซียนนั้นมีการนำรถเฟียสต้าในยุโรปมาวิ่งทดสอบและเก็บข้อมูลเพื่อนำมาปรับปรุงตัวรถโดยเฉพาะเรื่องของการเก็บเสียงทำให้รถในอาเซียนนั้นเงีบยกว่าในยุโรป มีการซีลรถเพิ่มขึ้นจากเดิมรวมถึงยางที่นำมาใช้ก็เลือกประเภทที่มีเสียงรบกวนน้อยทำให้เป็นรถที่มีเสียงรบกวนภายในห้องโดยสารน้อยมาก
หลังจากการนั่งฟังบรรยายอันยาวเหยียด เราก็พักรับประทานอาหารกลางวันโดยใช้เวลาไม่นานนักแล้วกลับเข้าห้องบรรยายอีกครั้งเพื่อฟังเส้นทางที่จะใช้ในคราวนี้ โดยได้แบ่งออกเป็นทั้งหมดสี่ช่วงรวมระยะทางกว่าสองร้อยกิโลเมตร
พอฟังเสร็จปุ๊ปก็แบ่งออกเป็นสองกลุ่มครับ ยังครับยัง เรายังไม่ได้ออกไปขับรถกัน แต่ไปทดสอบระบบอะไรเล็กน้อยนั้นก็คือระบบสั่งงานด้วยเสียง (voice control) สำหรับผมนั้นขอบอกก่อนว่าไม่ค่อยได้สนใจเท่าไรนักถือเป็นของเล่นมากกว่าการสั่งงานนั้นก็ไม่ยุ่งยากเท่าไร ใช้เวลาสักพักก็น่าจะคุ้นเคย อ้อบอกก่อนนะครับสั่งได้เฉพาะภาษาอังกฤษเท่านั้น ทดลองเสร็จแล้วก็ออกมานอกห้องประชุมเพื่อทดสอบอีกระบบ ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน (hill launch assist)ซึ่งระบบนี้จะทำงานโดยขณะอยู่บนทางลาดชันแล้วเหยียบเบรกอยู่ พอเราปล่อยเบรกแล้วจะไปเหยียบคันเร่งนั้นรถจะค้างหรือหยุดอยู่ประมาณ 3 วินาที ซึ่งโดยปกติแล้วรถทั่วๆไปนั้นจะไหลไปถือว่าเป็นตัวที่ช่วยสำหรับมือใหม่ได้เป็นอย่างดี ชอบครับชอบเจ้าระบบนี้มันดีจริง ฮ่าฮ่า
ได้เวลาแล้วครับที่เราจะไปลองรถพร้อมกันผมได้รถหมายเลข 8 พร้อมผู้โดยสารอีกสองท่านเป็นหนุ่มอารมณ์ดีที่คุ้นเคยกันอยู่แล้วนั่นคือพี่กบ คุณรชฎ สุวรรณรัตน์ กับน้องนักข่าวสาวสวยน้องโบว์ วาสนาจากข่าวเศรษฐกิจซึ่งเป็นนักข่าวท้องถิ่นที่ได้เจอกันเป็นครั้งแรก ผมรับหน้าที่ขับเป็นมือแรกเช่นเดิมครับขึ้นรถแล้วผมก็ปรับตำแหน่งต่างๆให้เข้าที่เข้าทางคาดเข็มขัดนิรภัย พร้อมแล้วก็ออกเดินทางกันเลย โดยกฎของการขับทดสอบในครั้งนี้คือเราจะขับกันในแบบคาราวาน ได้มีรถตำรวจนำขบวน เราสามารถแซงกันได้ในขบวนแต่ห้ามแซงรถหมายเลข 00 เท่านั้นเอง
ช่วงที่ 1 ภูเก็ต-จุดชมวิวทุ่งคา
เริ่มต้นจากโรงแรมวิ่งออกไปทางพังงาผ่านสะพานอะไรก็ไม่ทราบจำชื่อไม่ได้แล้วครับ เป็นสะพานที่คู่กับสะพานสารสินเพื่อที่จะออกไปทางพังงา ถนนในช่วงนี้มีทั้งทางตรงและทางโค้งค่อนข้างเยอะ เจ้าฟอร์ดฟียสต้าคันที่ผมขับอยู่นั้นเป็นเครื่องยนต์ 1.6 Duratec TI-VCT ระบบวาล์วแปรผันคู่คือทั้งฝั่งไอดีและไอเสีย มาพร้อมกับระบบเกียร์พาวเวอร์ชิฟท์ 6 สปีด ต้องยอมเลยรับว่าสมัยนี้เครื่องยนต์ขนาดเล็กไม่ได้อืดอีกต่อไป แม้ว่าเฟียสต้านั้นจะไม่ได้แรงขนาดหลังติดเบาะแต่ก็ให้การตอบสนองในขั้นที่บอกว่าดีเลยก็แล้วกัน พอเริ่มคุ้นเคยกับรถแล้วทั้งระยะในการเหยียบเบรก น้ำหนักในการคุมคันเร่งก็เริ่มสังเกตุอาการต่างๆรวมไปถึงเสียงภายในห้องโดยสาร เป็นไปอย่างที่ทีมงานบอกไว้ เสียงรบกวนภายในห้องโดยสารนั้นมีเข้ามาน้อยมากแม้ขับด้วยความเร็ว 140 กม./ชม .เสียงลมปะทะด้านข้างก็หลุดลอดเข้ามาได้น้อยมาก ช่วงทางตรงนั้นมีโอกาสทำความเร็วไต่ไปถึง 170 กม./ชม.และยังสามารถไหลต่อไปได้อีกแต่มีเหตุต้องถอนคันเร่งก่อน การเปลี่ยนเกียร์นั้นทำได้นิ่มนวลดี แต่จะอยู่ในช่วงเปลี่ยนจากหนึ่งไปสองนั้นมีการกระตุกอยู่เล็กน้อยแต่หากกดลงไปพรวดเดียวเลยกลับไม่มีอาการนี้แต่อย่างใด และแล้วเราก็ขับมาถึงจุกพักรถครับ
ช่วงที่ 2 จุดชมวิวทุ่งคา-หาดสน
ออกจากจุดชมวิวมุ่งหน้าสู่หาดสนผมยังรับหน้าขับต่อไปช่วงนี้เป็นทางโค้งเยอะเชียวเลยแต่ไม่ต้องกลัวไป ช่วงล่างนั้นให้ความรู้สึกมั่นคงและไว้ใจได้ การยึดเกาะและการโยนตัวนั้นมีน้อยมาก รถนั้นซับแรงสั่นสะเทือนถึงขั้นรถหรูได้จะเทียบกับรถยุโรปก็ใช่เรื่องเพราะเขาคือแบรนด์รถจากฝั่งอเมริกา สังเกตุจากอะไรครับง่ายๆโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือผมใช้น่องกับช่องท้องในเวลาขับว่าสั่นหรือสะเทือนมากน้อยแค่ไหน พวงมาลัยพาวเวอร์แบบไฟฟ้าที่มีการชดเชยน้ำหนักมีการตอบสนองที่แม่นยำ น้ำหนักกำลังพอเหมาะไม่มีอาการหน้าไวแต่อย่างใด ระบบเบรกแบบหน้าดิสก์หลังดรัมที่ตั้งพร้อมกับ ABS & EBD และยังมีถุงลมนิรภัยฝั่งคนขับเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่น ระหว่างทางฝนก็ตกลงมา แม้จะไม่ถึงหนักมากแต่ก็พอให้รำคาญได้ แต่ก็ดีครับเพราะทำให้ผมสังเกตุเห็นสิ่งเล็กๆน้อยๆอีกอย่างนั้นคือ กระจกหน้ารถว่ามันเป็นกระจกแบบกันน้ำเกาะ เมื่อฝนตกลงแล้วเนี่ยเม็ดน้ำฝนจะไม่มารวมตัวกันเป็นเม็ดใหญ่แบบที่เราใช้น้ำยาเคลือบกระจกแบบนั้นเลยครับ อันนี้ไม่ต้องเคลือบเลยครับ แต่ผมไม่แน่ใจว่าตัวขายจริงจะเป็นแบบนี้รึเปล่า ที่ปัดน้ำฝนทำการกวาดน้ำได้ทันใจและกวาดซะเกลี้ยงเลย เรายังใช้ความเร็วค่อนข้างสูงกันอย่างต่อเนื่องจะมีถอนกันก็ช่วงโค้งนั้นแหละครับ
ช่วงที่ 3 หาดสน-น้ำตกลำปี
ช่วงนี้มีการสลับรถกันครับเปลี่ยนมาเป็น 5ประตู 1.4 เกียร์ออโต้ ขับจากหาดสนมุ่งหน้าสู่น้ำตกลำปีทุกอย่างยังเหมือนเดิมครับ แค่เปลี่ยนจากรุ่น 4 ประตูมาเป็น 5 ประตู เครื่องเล็กลงเหลือแค่ 1.4 เกียร์ออโต้แบบธรรมดาที่ไม่ใช่พาวเวอร์ชิฟท์ 6 สปีด นอกนั้นเหมือนกันหมด อ้อแล้วก็อุปกรณ์อำนวยความสะดวกบางอย่างนะครับที่หายไปตามที่มีในแต่ละรุ่นการขับขี่นั้นผมอยากจะบอกว่าแทบจะไม่ได้แตกต่างกันเลย ถ้าไม่บอกนี่ก็จะไม่รู้เลยว่าเป็นเครื่อง 1.4 หรือ 1.6 อย่างที่ผมบอกไปเครื่องยนต์เล็กๆเดี๋ยวนี้มันไม่ธรรมดา ถ้าไม่ได้เท้าหนักอะไรผมว่า 1.4ก็พอแล้ว สิ่งที่จะได้เห็นชัดอีกครั้งก็คือช่วงเร่งแซงมันจะสู้ 1.6 ไม่ได้ มันไม่ถึงกับหนีกันมากนัก แต่อย่างว่าครับบางครั้งแค่เสี้ยววินาทีมันก็มีผลต่อความปลอดภัยต้องเลือกเอาครับและต้องขับรถอย่างมีสตินะครับ
ช่วงที่ 4 น้ำตกลำปี-ภูเก็ต
คราวนี้มีเปลี่ยนมานั่งบ้างครับเริ่มสังเกตุอุปกรณ์ภายในบ้างแล้วพูดง่ายๆก็คิอเริ่มซนนั่นเอง เบาะนั่งนั้นนั่งสบายดีทีเดียวลดการเมื่อยล้าได้ดีเพราะเบาะรองนั่งยาวมาถึงช่วงหัวเข่า ส่วนพนักพิงหลังก็กระชับและสูงถึงช่วงไหล่เลยทีเดียว ส่วนเบาะหลังนั้นเป็นไงบอกตามตรงครับยังไม่มีโอกาสได้นั่งอีกตามเคย และแล้วคณะของเราก็เดินทางมาถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย เป็นอันว่าสิ้นสุดการทดสอบแค่นี้ครับ
บทส่งท้าย
ที่อยากจะบอกท่านผู้อ่านว่าเฟียสต้านั้นมีรายละเอียดเล็กน้อยอีกมากมายแต่จุดเด่นของเขานั้นเนี่ยอยู่ที่เครื่อง 1.6 กับเกียร์พาวเวอร์ชิฟท์ 6 สปีด แม้ว่าเครื่องจะใหญ่กว่าแต่การประหยัดน้ำมันนั้นเท่าที่ได้ดูข้อมูลจากทีมงานที่นำมาแสดงนั้นเผลอๆอาจจะประหยัดกว่าตัว 1.4 ด้วยซ้ำไป อย่ามาถามผมนะครับว่าคันไหนมันคุ้มค่าคุ้มราคามากกว่ากันต้องตัดสินเองผมได้แค่เพียงชี้แนะเท่านั้นเอง อีกอย่างที่ต้องระวังกันสำหรับท่านที่มีเด็กเล็กวัยกำลังซนเวลากดล็อคประตูแล้วเนี่ยยังสามารถเปิดจากภายในได้เลยโดยไม่ปลดล็อคนะครับ ยังไงก็ไปกดสลักข้างประตูกันเด็กเปิดประตูไว้ก่อนนะครับ
ทุกอย่างนั้นจัดว่าเข้าขั้นดีเลยสำหรับตัวรถ ขาดอยู่สองอย่างที่พูดกันอยู่บ่อยๆนั้นคือเรื่องของการตลาดกับบริการหลังการขายถ้าจัดการได้รับรองครับขายไม่ทันเชียวครับพี่โฉ สาโรช เกียรติเฟื่องฟู
####################################
เรื่อง premsak@caronline.net
รูป ทีมฟอร์ด