Brand: HONDA Model: Civic
Year: 1995 Miles: 100001 – More
From: กิตติ สามะสุทธิ
: VTiE
เรียนคุณอาธเนศร์ครับ
เมื่อตะกี๊ ผมถามและกดปุ่ม Send แล้วหน้าจอบอกว่า errer ไปเปิดคำถามดูก็ไม่เห็น เลยส่งใหม่ ถ้าซ้ำ 2 ครั้ง ผมต้องขออภัยดัวยนะครับ
คราวก่อนผมถามปัญหามา และคุณอาตอบให้อย่างดี ผมต้องขอขอบพระคุณมากครับ
และตอนนี้มีปัญหาอีกแล้วครับ ขอเรียนถามดังนี้ครับ
1. ขณะเครื่องยนต์ทำงาน มีเสียง ฟิด ๆ ที่จานจ่าย เคยถอดฝาครอบออกมาเช็ดเมื่อ 2 พันกม. ก่อน
มีคราบผงโลหะติด และเสียงเงียบไป ตอนนี้เริ่มดังอีก อยากทราบว่า ตามขั้วไฟแรงสูงในฝาครอบ เราต้องหล่อลื่นหรือไม่ครับ ? ถ้าใช้ต้องใช้อะไรหล่อลื่นครับ ?
2. ทางศูนย์ ได้ปรับระยะห่างวาล์ว 2 ครั้งแล้วในรอบ 3 พัน กม. แต่ยังฟังชัดว่ามีเสียงวาล์วดังเป็นบางตัว ประมาณสูบที่ 2 (เงียบกว่าก่อนตั้ง)
อยากทราบว่า ควรปล่อยไปจนดังมาก ๆ หรือไม่ครับ ? ผมได้อ่านการตั้งวาล์วในคำถามที่ผ่านมา เลยอยากทำเองบ้าง แต่เคยตั้งกับรถรุ่นเก่าเกียร์ธรรมดา
ใช้เข้าเกียร์โยกรถเอาเพื่อหมุนข้อเหวี่ยง แต่ถ้าต้องใช้ประแจไขนัทพูลเล่ย์ อยากทราบว่า มันจะทำให้นัทคลายตัวหรือไม่ครับ ?
3. โรงรถผมเป็นเนินนิดหน่อย ทำให้ต้องใช้เบรคมือจอดตอนกลางคืน พอตอนเช้าบางทีปลดเบรคมือแล้วเบรคติด
ต้องเขย่ารถจึงหลุดและมีเสียงดัง กึง (เป็นเฉพาะตอนที่ดึงเบรคมือเต็มที่) ต่อมาได้มีการเปลี่ยนผ้าเบรคล้อหลัง(ยี่ห้อ Dan Block ที่สุลิตา)
อาการดังกล่าวหายไป แต่มีอาการใหม่คือ ขณะถอยเข้าโรงรถ ถ้าเหยียบเบรคแรง จะมีเสียงดัง แคร๊ก เบา ๆ ตอนปล่อยเบรค (ดังไม่มากเท่าตอนก่อนเปลี่ยนผ้าเบรค)
อาการนี้ต้องแก้ไขอย่างไร ? และถ้าทิ้งไว้(ว่าจะซ่อมหลังปีใหม่) จะมีผลยังไงบ้างครับ ?
4. ได้เปลี่ยนสายพานราวลิ้นเมื่อ 120,000 กม. ทางศูนย์ไม่เปลี่ยนลูกรอกตัวตั้งให้ บอกว่า เอามาหมุนดูแล้วยังดี ไม่มีเสียงดัง ให้เปลี่ยนคราวหน้า
อยากทราบความเห็นของคุณอา เกี่ยวกับเรื่องนี้ครับ
5. ข้อนี้สร้างความปวดหัวให้กับผมมากที่สุด เนื่องจาก ขณะถอยหลังโดยที่ล้อหลังด้านซ้าย-ขวา อยู่คนละระนาบ บางที มีเสียงสั่น ๆ เป็นเสียงโลหะสั่น
และเป็นเพียงบางครั้ง ไปเข้าศูนย์ก็หาไม่เจอ ไปหาช่างก็หาไม่เจอ น่าปวดหัว เพราะเป็นบางครั้งเท่านั้น และผมได้ยกรถด้วยแม่แรง เข้าไปกวดนัททุกตัว ก็แน่นดี
จะมีก็เพียงตัวลูกล้อที่ยกพ้นพื้น ถ้าเอามือทุบแรง ๆ ที่แก้มยาง จะมีเสียงขยับนิดหน่อย จะมีทางใดบ้างที่จะหาสาเหตุนี้ได้ครับ ?
6. ข้อนี้ผมขอเล่าสู่กันฟังครับ คือเมื่อหลายเดือนก่อน ผมได้อ่านปัญหาในเวบของคุณอา มีคนถามมาว่า มีคราบน้ำมันเหนียว ๆ ที่เกลียวหัวเทียน
เป็นรถโคโรลล่า ปี 1992 1300 ซีซี เครื่องคาร์บิวเรเตอร์ ผมอ่านดูพบว่าเป็นปัญหาเหมือนรถของผมคันเก่าเลย หัวเทียนบอดเร็วมาก ไม่ถึง 3 พันกม.
ต้องถอดออกล้าง ซึ่งได้ให้ช่างหลายท่าน หลายอู่ ช่างในศูนย์ดูให้ รวมทั้งเขียนมาถามคุณอาด้วยและก็ได้คำตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ยางตีนวาล์วรั่ว
ส่วนตัวผมเองก็คิดเช่นนั้น อันเนื่องมาจากผมเองก็เคยเรียนช่างยนต์มาบ้าง จนกระทั่งเจออู่ของเพื่อนคนนึง ก็กะว่าจะให้เค้าเปิดฝาสูบให้ แต่เค้าขอดูหัวเทียนก่อน
พอเค้าได้เห็นหัวเทียน เค้าบอกทันทีว่า ไม่ใช่ยางตีนวาล์วแน่นอน แต่เป็นเพราะใช้น้ำมันออกเทน 91 ให้เปลี่ยนเป็น 95 ก็หาย
ทีแรก ผมก็สงสัย แต่ก็ลองดูเพราะตอนนั้นเริ่มเบื่อคราบแดง ๆ กับเสียงน๊อคเต็มที ปรากฏว่า อาการน้ำมันที่เกลียวหัวเทียนหายไป ตั้งแต่นั้นมาผมไม่เคยเติมน้ำมัน 91 อีกเลยจนปัจจุบัน
ผมถามยาวไปหรือไม่ครับ ?
ขอบคุณมากครับ
รหัสเครื่องคือ D16 Y1
ผมน่ะหรือตอบดี ผมว่า คงเหมือนหลายคนที่บอกว่า ผมตอบปัญหากวนตีนเขา หรือตอบไม่เข้าท่า อะไรแบบนั้นนะครับ ฮ่า ฮ่า
ถามมา ก็ตอบไปเท่านั้นเอง บางครั้ง อารมณ์ดี ก็คงจะตอบดี บางวัน อารมณ์หงุดหงิด อ่านอะไรขัดหูหน่อย ก็พาล
เป็นอย่างนี้ตามวิสัยปุถุชน
อย่างวันนี้ ตื่นเช้ามา บรรยากาศรอบตัวอับชื้น และอุดอู้พิกล ไม่น่าจะเป็นฤดูหนาวเลย ก็ไปทางข้างไม่สบายเนื้อสบายตัวนิดหน่อย แต่ไม่ได้หงุดหงิดอะไร เพียงแต่ไม่สบายเนื้อตัวเท่านั้น
มาตอบปัญหากันนี่ ก็ไม่สบายนัก ต้องเปิดแอร์ในห้อง หวังว่า จะสบายกว่าเปิดหน้าต่าง เดี๋ยวค่อยดูผลครับ
1-ไม่ต้องหล่อลื่นอะไรในจานจ่ายครับ เดี๋ยวไปกันใหญ่ ผมเดาเอาว่า ตัวแกนจานจ่ายของคุณ น่าจะมีปัญหา อาจจะเป็นปัญหาที่ลูกปืนเพลาจานจ่ายหรือแกนจานจ่ายนั่นแหละครับ ที่เริ่มเอียง ทำให้เกิดเสียงเสียดสี ถ้าจะแก้ ต้องแก้ที่ลูกปืนตัวนั้น หรือหากไม่ใช่ ไม่อยากแก้(นี่ช่างนะ) เขาก็จะเสนอให้เปลี่ยนจานจ่าย ตัวละหมื่นสองหมื่นกันไปเลยครับ
2-ไม่ควรปล่อยให้วาวล์ดังต่อไปจนดังขึ้นมากเองหรอกครับ ควรทำให้เงียบเสียบ้าง แต่บางที วาล์วมันก็ดังของมันตามเรื่อง เพียงแค่หูคุณหาเรื่องเอง จับได้แม้กระทั่งเสียงที่คนอื่นเขาไม่ได้ยิน อันนี้ ก็เป็นได้ครับ ต้องดูด้วยว่า ตัวคุณเองเป็นอย่างนั้นหรือไม่ เพราะเสียงดังจากจานจ่าย คุณก็ได้ยิน และแยกเสียงได้เสียด้วย มาดังที่วาล์วก็ยังทราบว่าดังที่วาล์วอย่างไร ระวังหน่อยครับ อย่าประเมินอะไรสูงนัก
เอาเป็นว่า วาล์วดังจริง ก็ควรจะต้องปรับตั้งครับ
ส่วนการหมุนด้วยการใช้ประแจหมุนน๊อตที่พูลเล่ย์นั้น เขาทำกันหลังจากถอดหัวเทียนแล้ว ดังนั้น เครื่องยนต์จึงไม่มีภาระอะไร น๊อตไม่คลายตัว หรือไม่แน่นเข้าหรอกครับ
3-เอ ผมว่าหูคุณคงหาเรื่องเสียแล้ว ช่างมันบ้างเถิดครับ เสียงดังกร๊อกแกร็กอะไรจากการทำงานของอะไรนี่น่ะ อย่าหูหาเรื่อง หรือหูดีนักเลย จะลำบากกับการใช้รถยนต์ทุกคันนะครับ
เสียงก็มีบ้าง ถ้าเกิดการกระทบของแผ่นโลหะกับโลหะอะไร เป็นธรรมดาน่า ผมว่านะ
4-ของที่ศูนย์คงขาดพอดี หมดมือ เลยไม่เปลี่ยนให้ ไม่ดีครับ อาจจะทำให้สายพานขาดก่อนกำหนดได้เหมือนกัน เสี่ยงขับรถไม่วางใจไปอีกนาน และคุณยังเป็นคนที่ค่อนข้างจะจุกจิกกับเรื่องรถอยู่ด้วย ผมว่า คุณคงไม่สบายใจแน่นอน เป็นผม ผมก็ไม่สบายใจเหมือนกัน เพราะผมรู้ฤทธิของการเสี่ยงแบบนี้ดีอยู่แล้ว
5-ปัญหาจากหูของคุณอีกแล้ว ฟังแล้ว ได้ยินแล้ว บางอย่างก็ช่างมันบ้างเถิดครับ เดี๋ยวจะเป็นอาการที่เขาเรียกว่า วิตกจริตไปเท่านั้นเอง เสียงย่อมมีได้เสมอ เมื่อโลหะของจักรกลทำงานครับ
6-ก็ดีแล้วนี่ครับ-ธเนศร์
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…