‘ซูซูกิ’ ปรับกลยุทธ์สู้ศึกตลาดรถยนต์ปลายจัดเต็มแคมเปญสุดร้อนแรง งาน Motor Expo 2020
บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เตรียมความพร้อมสู้ศึกตลาดรถยนต์ปลายปี ชูไฮไลท์ SUZUKI SWIFT GL MAX EDITION พร้อมรถตกแต่งหลากหลายรุ่น ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 37 หรือ Thailand International Motor Expo 2020 ซึ่งเป็นงานจัดแสดงรถยนต์เพื่อขายงานสุดท้ายของปี มั่นใจปิดยอดขายปีนี้รวม 25,000 คัน จากรายงานผลการดำเนินงานในช่วงเดือนมกราคม-ตุลาคม 2563 ซึ่งยังคงต้องเผชิญกับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 มาอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงระยะเวลา 10 เดือนที่ผ่านมา มียอดจำหน่ายสะสมจำนวนทั้งสิ้น 19,623 คัน มีส่วนแบ่งทางการตลาดในกลุ่มรถยนต์นั่งอยู่ที่ 3.22% ซึ่งมีอัตราปรับตัวลดลง 4% เมื่อเทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันของปี 2562 ซึ่งมียอดจำหน่ายอยู่ที่ 20,426 คัน แต่เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับภาพรวมของยอดขายรถยนต์ในตลาด ซูซูกิ มีอัตราการหดตัวน้อยกว่าตลาดเป็นอย่างมาก
ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดอย่างรุนแรงของไวรัสโควิด-19 ยอดการจำหน่ายรถยนต์ซูซูกิได้รับผลกระทบไม่มากนัก ส่วนหนึ่งเพราะ ซูซูกิมีสินค้าคุณภาพที่สามารถตอบโจทย์ได้อย่างหลากหลาย แต่ปัจจัยสำคัญมาจากการที่ ซูซูกิ เซเลริโอ้ รถยนต์นั่งขนาดคอมแพ็ค กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งในหมู่ผู้บริโภคที่มองหาความเป็นส่วนตัวในการเดินทางและต้องการรักษาระยะห่างทางสังคม ในราคาที่สามารถจ่ายได้ และมีอัตราการผ่อนต่อเดือนที่ไม่สูงมากนักท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจในช่วงนี้
อีกส่วนก็คือ การเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ในช่วงเดือนกรฎาคมที่ผ่านมา อย่าง SUZUKI XL7 รถยนต์ครอสโอเวอร์ขนาด 7 ที่นั่ง สำหรับครอบครัวยุคใหม่ ซึ่งได้รับผลตอบรับเกินคาดมีผู้บริโภคให้ความสนใจและแสดงความจำนงค์ในการจับจองเพื่อเป็นเจ้าของจำนวนมาก จนทำให้ในช่วงแรกมียอดแบ็คออเดอร์ถึงเมื่อเดือนตุลาคม ที่ผ่านมาถึง 1,150 คัน
สำหรับยอดจำหน่ายรถยนต์ซูซูกิ ในช่วง 10 เดือนของปี 2563 (มกราคม – ตุลาคม 2563) แบ่งตามรุ่นจะพบว่า รถยนต์ที่ยังคงได้รับความนิยม ได้แก่
● ซูซูกิ สวิฟท์ สปอร์ตอีโคคาร์ มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 7,957 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 74.23%
● ซูซูกิ เซเลริโอ้ รถยนต์นั่งขนาดคอมแพ็คคุณภาพเกินตัว มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 3,229 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 293%
● ซูซูกิ เซียส พรีเมียมอีโคคาร์ซีดาน มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 2,520 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 70.83%
● ซูซูกิ เออร์ติก้า ยนตรกรรมอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 2,407 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 79.31%
● ซูซูกิ เอ็กซ์แอล 7 ใหม่ รถยนต์ครอสโอเวอร์ขนาด 7 ที่นั่ง มียอดจำหน่ายนับตั้งแต่การเปิดตัว อยู่ที่ 1,471 คัน
● ซูซูกิ แครี่ รถกระบะบรรทุกอเนกประสงค์เปิดประบะท้ายได้ 3 ด้าน มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 1,989 คัน สามารถรักษาระดับตัวเลขจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 100.56%
● ซูซูกิ จิมนี่ รถยนต์อเนกประสงค์สมรรถนะสูงขนาดเล็กมียอดจำหน่ายอยู่ที่ 50 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 147.06%
โดยจากตัวเลขยอดจำหน่ายดังกล่าวจะเห็นได้ว่า แม้จะมีรถยนต์ในบางรุ่นมีอัตราการหดตัวลงจากปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังมียอดจำหน่ายในรุ่นอื่นเติบโตขึ้นมาทดแทนได้ จึงส่งผลให้ตัวเลขในภาพรวมของซูซูกิไม่ตกลงมากนัก จึงทำมีความมั่นใจว่า จะสามารถสร้างยอดจำหน่ายรถยนต์ภายในปีนี้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้จำนวน 25,000 คัน ซึ่งคิดอัตราเติบโต 5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
นายมิโนรุ อามาโนะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า นับตั้งแต่เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2554 ซูซูกิ ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากลูกค้าชาวไทย แม้ในสภาวะวิกฤติครั้งนี้ก็เช่นกัน เราจึงมุ่งมั่นเพื่อตอบแทนสังคมไทยให้สามารถผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน จึงได้จับมือกับผู้จำหน่ายรถยนต์ซูซูกิทุกราย ริเริ่มโครงการแครี่ ปันสุข และ บริการฉีดยาฆ่าเชื้อฟรี เพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคในช่วงโควิด-19 รวมถึงช่วงสถานการณ์น้ำท่วมหนักในหลายพื้นที่ ทางผู้จำหน่ายก็ทำการปรับแต่งรถยนต์ซูซูกิเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยอีกด้วย
นายมิโนรุ อามาโนะ กล่าวอีกว่า สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยที่เริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งคาดการณ์ว่าตลาดรถยนต์โดยรวมในปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 760,000 คัน หดตัวลง 25% ซึ่งแนวโน้มเป็นไปในทิศทางที่ดีกว่าตัวเลขคาดการณ์ในช่วงกลางปีที่ผ่านมา
นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม กรรมการบริหารด้านการขายและการตลาด บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ที่ผ่านมาพบว่าลูกค้าชะลอการตัดสินใจซื้อรถยนต์ในช่วงกลางปีเพื่อรอดูความชัดเจนและความมั่นคงในหลายด้านของชีวิต แต่เมื่อสถานการณ์หลายอย่างคลี่คลายลง การกลับมาของกำลังซื้อน่าจะเริ่มดีขึ้นเล็กน้อยในช่วงปลายปีนี้ ซูซูกิ มีการเตรียมความพร้อมของกลยุทธ์ด้านการตลาดและการขาย เพื่อให้สามารถแข่งขันกับตลาดในช่วงปลายปีซึ่งเป็นฤดูแห่งการซื้อ-ขายรถยนต์ รวมถึงตอบรับความต้องการของลูกค้าในยุคใหม่ได้อย่างเหมาะสมอีกด้วย
จากปัญหาการอนุมัติสินเชื่อที่มีความยากขึ้นของสถาบันการเงิน โดยเฉพาะในกลุ่มอาชีพที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากวิกฤติโควิด-19 การเดินหน้าตามแผนงานที่เราใช้ในช่วงที่ผ่านจึงยังเป็นสิ่งสำคัญ ด้วยการพุ่งเป้าไปยังลูกค้าได้อย่างตรงกลุ่ม ตรงกับสภาพเศรษฐกิจในช่วงนี้ อย่างเช่น กลุ่มข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ นับว่าเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อและมีความต้อง การที่จะมีรถยนต์เป็นของตนเอง การเข้าถึงเพื่อนำเสนอสินค้าและบริการได้อย่างตรงใจ ก็มีโอกาสในการสร้างยอดขายได้เป็นอย่างมาก
ในอนาคต ซูซูกิ ยังมีแผนที่จะพัฒนาและยกระดับพนักงานให้เข้าถึงช่องทางออนไลน์ปรับพฤติกรรมการขายและการดูแลให้เข้ากับพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคให้มีความแม่นยำ และโดนใจมากยิ่งขึ้น ส่วนด้านงานบริการหลังการขาย ซูซูกิ มุ่งมั่นพัฒนาร่วมกับทางผู้จำหน่ายมาโดยตลอด มุ่งหวังที่จะสร้างคุณค่าให้แก่งานบริการเพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง โดยล่าสุด แม้จะอยู่ในช่วงที่หลายธุรกิจได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แต่กลับยังมีนักธุรกิจที่เชื่อมั่นและให้ความสนใจเข้าร่วมลงทุนกับซูซูกิ มอเตอร์ ประเทศไทย จนทำให้เราเตรียมที่จะขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายเพื่อดูแลลูกค้าให้ครอบคลุมทุกพื้นที่เกินกว่า 130 แห่ง ภายในเดือนมีนาคม 2564นี้
สำหรับการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าร่วมงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 37 หรือ Thailand International Motor Expo 2020 ซึ่งเป็นงานจัดแสดงรถยนต์เพื่อขายงานสุดท้ายของปี จึงทำให้มีการแข่งขันสูงอย่างยิ่ง โดยภายในงาน ซูซูกิ ได้เตรียมไฮไลท์ คือ การจัดแสดง ซูซูกิ สวิฟท์ จีแอล แม็กซ์ อิดิชั่น รถแฮทแบ็กช์อีโคคาร์รุ่นตกแต่งพิเศษ ที่เพิ่งทำการเปิดตัวไปไม่นานซึ่งจะมาพร้อมโปรโมชั่นแคมเปญสุดพิเศษ และยังมีซูซูกิรุ่นอื่นๆ ที่ตกแต่งเป็นแนวทางสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการตกแต่งรถตามสไตล์ของตัวเอง
แคมเปญพิเศษภายในงานสำหรับลูกค้าทุกท่าน เพื่อให้สามารถเป็นเจ้า ของรถยนต์ซูซูกิทุกรุ่นได้ง่ายยิ่งขึ้น เมื่อลูกค้าจองรถยนต์ซูซูกิทุกรุ่น ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 37 จะได้รับสิทธิพิเศษทันที ขับฟรี 90 วัน! ส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่าสูงสุด 50,000 บาท (แล้วแต่รุ่น) ดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้นที่ 0% (แล้วแต่รุ่น) พร้อมฟรี ประกันภัยชั้น 1 และสิทธิพิเศษต่างๆ อีกมากมายแบบไม่ต้องลุ้น
นายวัลลภ กล่าวอีกว่า ด้วยสถานการณ์หลายอย่างเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น รวมถึงบรรยากาศที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจซื้อรถได้ง่ายในช่วงปลายปีจะกลับมาสู่ภาวะปรกติเช่นเดิม เราจึงคาดการณ์ว่าจะสามารถสร้างยอดจองภายในงานปีนี้ได้ถึง 2,500 คัน (โดยปีที่ผ่านมา บริษัทฯได้ยอดจองที่จำนวน 2,308 คัน)
ทั้งนี้ ซูซูกิ มีความต้องการให้ผู้บริโภคทุกคนเข้าถึงสินค้าที่มีคุณภาพดี และการบริการที่ดีทั้งก่อนและหลังการขาย เราจึงไม่ได้มุ่งหวังแค่จะสร้างยอดขายให้เติบโตเพียงเท่านั้น แต่เราต้องการที่จะสร้างให้ซูซูกิเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคให้ความเชื่อถือและไว้วางใจเดินคู่เคียงข้างคนไทยต่อไปในอนาคต