ชาร์จแบตเตอรี่รถไฟฟ้า

tech_img_03L
หนังสือพิมพ์แจแปนไทม์ รายงานข่าวว่า สถาบันวิจัยของมหาวิทยาลัยเทคนิคโตโยฮาชิ ประเทศญี่ปุ่น คิดค้นพัฒนาวิธีการชาร์จแบตเตอรี่ในรถไฟฟ้า โดยไม่ต้องใช้เครื่องยนต์ ด้วยการผลิตยางชนิดพิเศษ ที่ดึงเอาพลังงานไฟฟ้าจากแผ่นเหล็กที่ทำเป็นพื้นถนน แม้ว่าในการเริ่มต้นพัฒนานี้ จะยังไม่ค่อยมีความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติมากนัก เพราะในความเป็นจริง การนำเอาแผ่นเหล็กไปรองในพื้นถนนทุกแห่ง แทบจะเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

โดยหลักการทำงาน เมื่อล้อรถยนต์หมุนไป ขดลวดเหล็กภายในล้อก็จะถ่ายทอดพลังงานไฟฟ้าจากแผ่นเหล็กในพื้นถนน เพื่อป้อนไฟฟ้าเข้าสู่มอเตอร์ไฟฟ้าของรถยนต์ โดยมหาวิทยาลัยได้สร้างถนนจำลองที่ปูด้วยแผ่นเหล็กในพื้นถนน ความยาว 98 ฟุต ที่สามารถทำให้รถไฟฟ้าวิ่งได้จนถึงความเร็วเกือบ 10 กม./ชม. ก่อนจะสิ้นสุดพื้นถนน โดยศาสตราจารย์ทากาชิ โอฮิร่า Takashi Ohira กล่าวว่า “รถสามารถวิ่งได้อย่างราบเรียบ โดยไม่มีอาการสะดุด และสามารถนั่งโดยสารได้อย่างสบาย”

ศาสตราจารย์โอฮิร่า วิจัยและพัฒนาวิธีการที่จะทำให้ไม่จำเป็นต้องติดตั้งแบตเตอรี่ในรถไฟฟ้ามาหลายปี เมื่อปี 2554 เขาได้เสนอผลงานการวิจัยที่จะส่งคลื่นวิทยุจากพื้นถนน และใช้ขดลวดเหล็กภายในล้อและอุปกรณ์พิเศษภายในตัวรถ เพื่อเปลี่ยนพลังงานให้เป็นพลังงานไฟฟ้า และการนำเสนอแนวทางแบบใหม่นี้ เท่ากับเป็นการต่อยอดความรู้ที่ได้พัฒนามาก่อนหน้านี้

แม้ว่าโดยทางทฤษฎี จะมีความเป็นไปได้ที่สามารถส่งถ่ายกระแสไฟฟ้าจากพื้นถนน ขึ้นไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า ผ่านทางขดลวดเหล็กภายในล้อ แต่ก็ยังมีปัญหาที่จะต้องขบคิดอีกหลายอย่าง อาทิ จะต้องใช้พลังงานมากเท่าใด ที่จะป้อนกระแสไฟฟ้าจากถนน ขึ้นสู่รถไฟฟ้าที่วิ่งบนถนนนับพันคันในทุกๆ วัน รวมทั้งอุปกรณ์หรือแผ่นเหล็กที่อยู่ในพื้นถนน ก็ต้องการได้รับการบำรุงรักษา หรืออย่างน้อยก็ต้องป้องกันไม่ให้หัวขโมยงัดแงะออกไปชั่งกิโลขายได้ และการลงทุนปูแผ่นเหล็กในพื้นถนน เกือบจะเป็นการทำถนนใหม่ทั้งหมด

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ความคิดของศาสตราจารย์โอฮิร่า จะเป็นไปไม่ได้ เพราะค่ายวอลโว่ ก็ได้ทำการทดลองวิธีการชาร์จจากพื้นถนนเข้าสู่ตัวรถยนต์ไฟฟ้า ในระยะทางสั้นๆ เพื่อช่วยเติมกระแสไฟเข้าสู่แบตเตอรี่ สำหรับการขับขี่ในเมือง และยังทำการทดลองอยู่ในปัจจุบัน ขณะที่เมื่อปีก่อน ค่ายยาง กู๊ดเยียร์ ก็เคยนำเสนอยางที่สามารถช่วยในการชาร์จไฟฟ้าเข้าสู่ตัวรถ และยังมีสถาบันเทคโนโลยีของเกาหลี ที่ยังค้นหาวิธีการเช่นเดียวกันนี้มานานนับปีแล้ว

Facebook Comments