เวบไซต์ ออโต้ เอ็กซ์เพรส รายงานข่าวว่า สถานการณ์ของโรงงานประกอบรถไฟฟ้าในอังกฤษ เวลานี้ ทำให้เบี้ยประกันภัยสำหรับรถไฟฟ้า พุ่งสูงขึ้น แพงกว่ารถยนต์เครื่องยนต์เบนซิน และดีเซล สาเหตุเพราะช่างแรงงานที่มีฝีมือในการประกอบรถไฟฟ้า จำเป็นต้องได้รับการอบรมอย่างดี เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเมื่อรถยนต์ส่งถึงมือผู้บริโภค
จากการสำรวจ ปัจจุบันมีช่างฝีมือที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเพื่อการทำงานกับรถไฟฟ้า ทั้งในสายการประกอบ หรือช่างฝีมือภายนอกเพียง 1,150 คน จากช่างฝีมือแรงงานที่ขึ้นทะเบียนในอังกฤษทั้งหมด 240,000 คน ไม่มีช่างจากอู่ภายนอก ที่ได้ขึ้นทะเบียนเลย ทำให้อัตราค่าเบี้ยประกันที่บริษัทประกันภัยเรียกเก็บ แพงกว่ารถยนต์เครื่องยนต์เบนซิน และดีเซล ถึง 50% เพราะปัญหาการซ่อมบำรุง
ออโต้ เอ็กซ์เพรส ค้นคว้าเปรียบเทียบอัตราค่าเบี้ยประกัน ระหว่างรถยนต์ไฟฟ้า กับรถเชื้อเพลิงน้ำมันชนิดอื่น พบว่า ค่าเบี้ยประกันของรถไฟฟ้า จะแพงกว่าค่าเฉลี่ยในแต่ละรุ่นราว 21% แต่ในบางรุ่นแพงกว่ามาก อาทิ รถไฟฟ้า เรโนลต์ โซเอ Renault Zeo แพงกว่ารถใช้เชื้อเพลิงอย่าง เรโนลต์ คลิโอ Renault Clio ถึง 50%
โฆษกของ สำนักค้นคว้า แทชชาม Thatcham Research ซึ่งได้รับมอบหมายให้กำหนดอัตราค่าเบี้ยประกันสำหรับรถใหม่ ระบุว่า “รถไฟฟ้า ก็ใช้สูตรการคิดอัตราเบี้ยประกัน แบบเดียวกันรถยนต์ปกติ แต่มีส่วนเพิ่มเติม ที่สะท้อนความยุ่งยากในทางปฏิบัติ และค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง รวมทั้งจุดที่ต้องซ่อมแซม”
สถาบันอุตสาหกรรมยานยนต์ The Institute of the Motor Industry (IMI) คุยกับนักข่าวว่า มีศูนย์ซ่อมบำรุงนอกบริษัทถึง 80% ที่ประสบปัญหาในการรับสมัครช่างที่มีคุณสมบัติในการซ่อมแซมรถสมัยใหม่ ทำให้ประเมินได้ว่า ทั้งอัตราเบี้ยประกันและราคาค่าซ่อมแซมสำหรับรถไฟฟ้า จะยังคงสูงกว่าเกินความจำเป็น เมื่อเทียบกับรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงประเภทอื่น
ซึ่งหมายความว่า ตลาดรถไฟฟ้าจะไม่สามารถเจริญเติบโต เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร เพราะความที่ขาดแคลนช่างฝีมือแรงงาน ที่จะให้บริการซ่อมบำรุงรถไฟฟ้า อันจะทำให้ผู้บริโภคยังคงได้รับการบริการ และต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันที่แพงกว่าปกติต่อไปในอนาคต
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…