เมื่อเร็วเร็วนี้ บริษัทฮุนได มอเตอร์ (ประเทศไทย)จำกัด ได้เชิญสื่อมวลชนทดลองขับฮุนไดรุ่นเอชวัน เส้นทางกรุงเทพฯ-อยุธยาซึ่งฮุนไดทีเดินทางในครั้งนี้เป็นฮุนได เอชวันรุ่น เดอลุกซ์และอีลีท เครื่องยนต์ 2,497 ซีซี 175 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดอยู่ที่ 441 นิวตันเมตรที่ 2,000-2,250 รอบ และเป็นเเครื่องยนต์ดีเซล
เป็นรถแบบ 11 ที่นั่ง
และการเดินทางในครั้งนี้ก็ได้มีโอกาสได้ทดสอบช่วงล่างตัวใหม่ของฮุนได เอชวันซึ่งใช้ชุดโช้คอัพและสปริงหลังที่นำมาติดตั้งใหม่เป็นโช้คอัพชุดอัพเกรด ระบบ Monotube โดยมีคุณสมบัติที่โดดเด่นกว่ารุ่นมาตรฐานคือ มีลูกสูบที่ใหญ่กว่าและสามารถจุน้ำมันได้มากกว่าทำให้ตอบสนองการขับขี่ที่ดีขึ้นและนุ่มนวลขึ้น ลดความกระด้างลง
กิจกรรมทดสอบครั้งนี้เป็นการเดินทางแบบ One Day Trip
คันที่ดิฉันนั่งเป็นฮุนไดเอชวันรุ่นเดอลุกซ์ โดยนั่งไป 7 คน ที่นั่งแถว 2 แบบแยกส่วน สามารถหมุนได้ 180 องศา ทำให้ผู้โดยสารนั่งสบาย และผู้โดยสารแถวที่สามขึ้นลงสะดวก ครั้งนี้ดิฉันได้ไปนั่งแถวที่ 3 เพราะอยากจะสัมผัสถึงระบบช่วงล่างใหม่
เราออกเดินทางจากฮุนไดสำนักงานใหญ่ถนนวิภาวดี วิ่งถนนสายเอเซีย มุ่งหน้าไปที่แรกก็คือ วัดนิเวศธรรมประวัติ ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งตรงข้ามกับพระราชวังบางปะอิน
โดยนั่งกระเช้าข้ามฝั่งแม่น้ำไปไหว้พระและชมความงดงามภายในบริเวณวัด โดยวัดนี้เป็นพระอารามหลวง สร้างขึ้นโดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อใช้เป็นสถานที่บำเพ็ญพระราชกุศล เมื่อเสด็จแปรพระราชฐานมาพักที่พระราชวังบางปะอิน
ซึ่งสิ่งก่อสร้างภายในวัดทุกอย่างล้วนเป็นศิลปะแบบยุโรปทั้งสิ้น
หลังจากนั้นก็ไปพักรับประทานอาหารกลางวัน ที่ เรือนจรุง อยุธยา โฮมสเตย์แนวคิดสโลว์ไลฟ์ ได้ทานอาหารไทยฝีมือชาวบ้าน รสชาติอร่อยถูกปาก
นั่งอยู่กลางธรรมชาติของทุ่งนาที่เขียวขจีในตอนนี้ และพืชผักสวนครัว บรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเองสบายสบาย เหมาะกับการใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายหนีความวุ่นวายจากเมืองกรุง
จากนั้นเดินทางต่อไปยัง วัดหน้าพระเมรุ ซึ่งวัดนี้เป็นเพียงวัดเดียวที่รอดจากการถูกเผาทำลายจากพม่าและอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุดในอยุธยา
วัดสุดท้ายของทริปนี้เป็นเจดีย์ที่สูงสุดในอยุธยาและเป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะ
มีวิหารพระพุทธไสยาสน์ที่สร้างในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช แลพระอุโบสถที่สร้างในสมัยพระเจ้าอู่ทอง
หลังจากนั้นก็แวะจิบกาแฟทานของว่างกันที่ The Summer House ร้านกาแฟสุดชิค บรรยากาศดีริมแม่น้ำเจ้าพระยาก่อนเดินทางกลับกรุงเทพ
ซึ่งการเดินทางในครั้งนี้ด้วยฮุนได เอชวันกับระยะทาง ประมาณ 142 กิโลเมตร ต้องยอมรับในช่วงล่างใหม่เลยว่านิ่มนวลขึ้นกว่าเดิมมาก ในช่วงถนนขรุขระอาจมีกระด้างบ้างแต่ก็ไม่เยอะ เมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูงขึ้นก็จะนิ่มนวลยิ่งขึ้น ก็นั่งสบายขึ้นนะคะสำหรับผู้ที่จะเดินทางใกล้และไกล ซึ่งในส่วนของโช้คอัพและสปริงหลังนี้ ท่านที่สนใจอยากจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนได้ในราคา 24,880 บาท (รวมค่าแรงแล้ว)ที่ศูนย์บริการฮุนไดทั่วประเทศ
เดินทางกันเป็นครอบครัวภายในก็กว้างขวางด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน นั่งสบาย แอร์มีครบทุกแถวเย็นสบาย
หากเดินทางไปเจอที่จอดรถแคบแคบ คนขับก็สามารถใช้กล้อง Smart View System ที่แสดงภาพในมุมมองแบบ 360 องศาทำให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น
และขับง่ายในที่แคบด้วยวงเลี้ยวที่เลี้ยวแคบเพียง 5.6 เมตร
ผู้โดยสารด้านหลังก้าวขึ้นลงสบายด้วยประตูทั้งสองฝั่งแบบบานเลื่อนไฟฟ้า ที่ควบคุมได้ทั้งจากที่นั่งคนขับและจากรีโมทคอนโทรล
ก็จบทริปการเดินทางในครั้งนี้ด้วยความอิ่มอกอิ่มใจที่ได้ไปทำบุญ อิ่มท้องกับอาหารที่อร่อยถูกปาก และนั่งพูดคุยกันอย่างสนุกสนานกับเพื่อนร่วมทริป พร้อมความประทับใจในช่วงล่างใหม่ของ ฮุนได เอชวัน
“ไพรม์มัส กรุ๊ป…