กระบะอะลูมิเนียม ยังเป็นปัญหา โดย ลุงอ็อด

ค่ายฟอร์ด อเมริกา ออกกระบะรุ่นล่าสุด เอฟ-150 F-150 โดยใช้อลูมิเนียมทำเป็นตัวกระบะ เพื่อลดน้ำหนักตัว ก็ยังเป็นปัญหาทั้งกับลูกค้า และตัวบริษัทเอง ที่บริษัทบอกว่า จะช่วยให้ประหยัดเชื้อเพลิงได้ดีขึ้น แต่นักวิเคราะห์หลายราย ก็เริ่มมีคำถามถึงค่าใช้จ่าย กรณีต้องเปลี่ยนกระบะ หรือต้องซ่อมแซม ว่าจะยากง่ายอย่างไร ทั้งนี้เพราะคนอเมริกันเอง ส่วนใหญ่จะเป็นช่างซ่อมแซมสิ่งต่างๆ โดยสถานการณ์บังคับ เพราะความที่ค่าแรงคนงาน แพงมหาโหด เลยต้องทำเอง
แต่จากการศึกษาเมื่อต้นปีก็พบว่า สิ่งที่เกรงกันนั้น น่าจะเป็นความวิตกกังวลส่วนตัวมากกว่า เพราะมีหลักฐานการค้นคว้า จากการสอบถามผู้บริโภค ดีทรอยต์ นิวส์ พบว่า ผู้บริโภค ร้อยละ 36 ไม่สนใจว่าจะเป็นวัสดุอะไร หากต้องให้เปรียบเทียบ ตราบใดที่ยังเป็นกระบะรถที่ขนของได้ แต่เริ่มให้ความสนใจที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับอะลูมิเนียมให้มากขึ้น ผู้ตอบคำถามราวร้อยละ 19 ยังชอบกระบะที่เป็นเหล็ก ร้อยละ 17 อยากให้ผสมระหว่างเหล็กและอะลูมิเนียม ร้อยละ 3 อยากให้เป็นอะลูมิเนียม และอีกร้อยละ 25 ต้องการข้อมูลให้มากกว่านี้

แต่ผลการศึกษาเปลี่ยนไปอย่างน่าพิศวง เมื่อผู้ตอบคำถาม ได้รับข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม เกี่ยวกับ เอฟ-150 รุ่นนี้ โดยร้อยละ 43 ที่ตอบคำถาม ระบุว่าการใช้อะลูมิเนียมทำกระบะ ทำให้อยากซื้อรถกระบะใช้งาน ขณะที่ร้อยละ 52 ที่เป็นเจ้าของรถกระบะอยู่แล้ว และตั้งใจจะเปลี่ยนรถในอีก 6 เดือนข้างหน้า กล่าวว่า ยินดีที่จะพิจารณา เอฟ-150 รุ่นล่าสุดนี้

กระบะ ฟอร์ด เอฟ-150 ยังคงใช้โครงสร้างแชสซีส์เป็นเหล็ก แต่ใช้ตัวกระบะเป็นอะลูมิเนียม เพื่อลดนำ้หนักตัว ซึ่งลดลงได้ประมาณ 1,100 กก. ซึ่งช่วยให้ลดการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงได้อย่างมาก แม้ว่าจะยังไม่มีตัวเลขแสดงอย่างเป็นทางการก็ตาม

ในส่วนของราคาเช่นกัน แม้ว่าราคาอะลูมิเนียมจะแพงกว่าราคาเหล็ก คาดกันว่ารถกระบะแต่ละคัน จะมีต้นทุนเพิ่มขึ้นราวคันละ 18,000 บาท แต่จากการศึกษากลับพบว่า ผู้บริโภค ยินดีที่จะจ่ายราคาที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาจำหน่ายที่เพิ่มต่อคัน เพิ่มมากกว่ารุ่นเดิมถึง 90,000 บาท และผู้บริโภคเอง แม้ยังไม่รู้ราคาค่าซ่อมแซมกระบะที่แท้จริง ก็ยังยินดีที่จะซื้อใช้แน่นอน